ปลัด สธ. สั่งดูแลผลกระทบสุขภาพจาก PM 2.5

2020-12-14 13:10:33

ปลัด สธ. สั่งดูแลผลกระทบสุขภาพจาก PM 2.5

Advertisement

ปลัด สธ. สั่งหน่วยงานในสังกัด ดูแลผลกระทบสุขภาพประชาชนจาก PM 2.5

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้หลายพื้นที่ของ กทม. และบางจังหวัดมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อาจกระทบสุขภาพของประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด เป็นต้น รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบติดตามสภาพอากาศและค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ที่เพจคนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5 และแอปพลิเคชัน Air4Thai หากค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีฟ้าและเขียว สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ระดับสีเหลือง ขอให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ระดับสีส้ม ควรลดหรือจำกัดการทำกิจกรรมนอกบ้าน และระดับสีแดง ควรลดหรืองดการทำกิจกรรมนอกบ้าน หากมีความจำเป็นต้องออกมาภายนอก ต้องสวมหน้ากากด้วย ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 และลดผลกระทบจากฝุ่นละออง สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หากมีอาการเคืองตา ตาแดง คันหนังตา มีผื่นแดง ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือสำหรับล้างตา สังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ รวมทั้งควรตัดเล็บให้สั้น ล้างมือให้สะอาด ไม่ขยี้ตา หรือเกาหนังตาเพราะจะทำให้เป็นแผล เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ 

“ค่าฝุ่น PM 2.5 ของแต่ละพื้นที่ไม่ได้เท่ากันตลอดทั้งวัน บางช่วงค่าฝุ่นอาจสูงขึ้น บางช่วงค่าฝุ่นอาจลดลงจนเป็นปกติ ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ก่อนทำกิจกรรมภายนอกบ้าน รวมถึงค่าฝุ่น PM 2.5 ของพื้นที่ที่จะเดินทางไปด้วย เพื่อวางแผนการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม ลดผลกระทบสุขภาพ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลําบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวีด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เตรียมการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก 7 ข้อ ดังนี้ 1.เฝ้าระวังแจ้งเตือนสถานการณ์ สื่อสารข้อมูลผลกระทบและการปฏิบัติตนแก่ประชาชน 2.สำรวจและจัดทำทะเบียนกลุ่มเสี่ยงจากฝุ่น PM 2.5 โดยให้ทีมหมอประจำตัว (3 หมอ) ลงพื้นที่ให้ความรู้คำแนะนำการป้องกันตัวและดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะ 4 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็กเล็ก ให้โรงพยาบาลเปิดคลินิกมลพิษเพื่อให้คำปรึกษาและรักษา สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการสาธารณสุข และสนับสนุนให้โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ บ้านเรือนประชาชน จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น 3.เตรียมความพร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในทุกระดับ ทั้งจังหวัด เขตสุขภาพ กรม และกระทรวง เพื่อติดตามสถานการณ์และยกระดับการปฏิบัติการ หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น 4.เฝ้าระวังการเจ็บป่วยใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบผิวหนัง และระบบตา โดยรายงานผู้ป่วยที่มารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หากมีเหตุการณ์ผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เข้ารักษาในห้องฉุกเฉินมากกว่าปกติให้รายงานทันที 5.รายงานสถานการณ์ทุกสัปดาห์ตลอดช่วงเวลาเฝ้าระวัง กรณีสถานการณ์วิกฤต (สีแดง) ให้รายงานทุกวัน 6.จัดทำหน่วยงานสาธารณสุขต้นแบบองค์กรลดฝุ่นละออง และ 7.บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ