อัยการถอนฟ้อง "รังสิมันต์ โรม" คดีมั่วสุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ปราศรัยโจมตี "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" เหตุพยานหลักฐานเหมือนกับคดีที่ศาลเคยตัดสินยกฟ้องไปก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จำเลยในความผิดฐาน มั่วสุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ.ศ.2558 เดินทางมาศาลอาญา ถนนรัชดา หลังศาลนัดพร้อมคู่ความ กรณีเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2561 พวกจำเลยได้ใช้รถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในขณะนั้น โดยมีการยุยง ปลุกระดมประชาชนเรียกร้องขอให้รัฐบาลเลือกตั้ง ส.ส.ภายในเดือน พ.ย.2561 พร้อมกับชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คดีนี้มีจำเลยหลายคน แต่วันนี้เหลือตนคนเดียว เพราะคนอื่นถูกแยกดำเนินคดีไปก่อนและศาลมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ซึ่งในขณะนั้นตนมีเอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส. อยู่จึงถูกแยกดำเนินคดี
ทั้งนี้หลังจากนายรังสิมันต์ ขึ้นไปห้องพิจารณาคดีไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ได้ลงมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า อัยการในคดีได้ยื่นหนังสือถอนฟ้องในคดีและจำหน่ายออกจากระบบ โดยให้เหตุผลว่าคดีนี้ก็มีพยานหลักฐาน และ พฤติการณ์มาจากเหตุเดียวกัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องฟ้องอีก เนื่องจากหากศาลพิจารณาสุดท้ายผลก็ออกมาในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้พอใจกับผลการตัดสิน แต่คิดว่าคดีส่วนใหญ่ที่ผู้เห็นต่างทางการเมืองมักจะโดนฟ้องตามมาตรา 116 ซึ่งสุดท้ายก็มีการตัดสินว่าเป็นโทษไม่กี่คดี แต่ตำรวจก็ยังใช้มาตรา 116 ดำเนินคดีอยู่ ส่วนตัวมองว่า ตำรวจใช้มาตรา 116 ไม่สอดคล้องกับแนวทางการพิจารณาคดีของศาลซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่าการดำเนินการของพนักงานสอบสวนทำไปเพื่อเป็นภาระทางคดี ซึ่งการดำเนินคดีเช่นนี้ไม่ได้ทำให้กระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้น และอาจทำให้พนักงานสอบสวนหมดความหน้าเชื่อถือ