ทำเอาคนบันเทิงและแฟนๆ ต่างอดเป็นห่วง "อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา" นักแสดงอาวุโสกันเป็นจำนวนมาก หลังต้องเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งปอด ล่าสุดได้เจอ "อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา" ในงานเปิดตัวแบรนด์ DIMENSION ของ CHATEAU DES GEMS ณ ลานกิจกรรม ICONLUXE Gallery ชั้น 1 ICONSIAM เลยสอบถามถึงอาการป่วยของคุณพ่อโดยเจ้าตัวได้เผยว่า
ถามถึงอาการคุณพ่อหน่อย ?
อาการคุณพ่อตอนนี้ก็ดีขึ้นมากนะคะ ดีขึ้นตามลำดับ แล้วก็ได้ยาเม็ดใหญ่ ใหญ่มาก มีบุญ(ลูกชาย) จะ 2 ขวบแล้ว คุณตาก็ป่วยเกือบจะ 2 ปี พอดี คุณพ่อก็ยังไปในทิศทางที่ดี ดูอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ใครที่เจอก็จะพูดว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณพ่อจะไม่สบาย ก็ต้องขอบคุณทุกท่านจริงๆ ที่ให้ความรักแล้วก็ความเป็นห่วงคุณพ่อ แล้วก็ครอบครัวของเรา ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนถามว่าเป็นยังไง ดีขึ้นไหม ใช้วิธีอะไรบ้าง มีเทคนิคให้กันอยู่เรื่อย ที่สำคัญให้กำลังใจครอบครัวด้วย ทั้งอีฟแล้วก็คุณแม่ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ

แสดงว่าน้องมีบุญคือยาดีเลยใช่ไหม ?
ยาวิเศษค่ะ เพราะว่าปกติคนป่วยก็จะป่วย แต่เวลาอยู่กับหลาน เขาจะไม่มีความป่วยเลย เขาอุ้มเด็ก 14 กิโลฯ แบบเหมือนตัวเองไม่ป่วย อีฟเป็นแม่อุ้มลูกเองยังเจ็บสะบักเลย ก็ไม่รู้พ่ออุ้มได้ไง อุ้มเดินไปเดินมา ทำโน่น ทำนี่ อุ้มขึ้นลงบันไดก็อุ้มนะคะ คือเราก็พูดกับเขาเสมอว่าพ่อไม่มีอะไหล่แล้วนะ รุ่นนี้อะไหล่เขาเลิกผลิตแล้ว มีบุญเขายังซ่อมตัวเองได้อยู่ ก็อยากให้เขาทำอะไรก็ระวังตัวเองมากๆ ถึงจะด้วยทำได้ด้วยพลังใจ ก็ไม่อยากให้เบียดเบียนพลังกายมากเกินไป
อย่างเรื่องน้ำหนักที่ลดลงไปค่อนข้างเยอะแบบนี้ต้องเพิ่มให้กลับมาเท่าเดิมด้วยไหม ?
จริงๆ ขึ้นมาแล้วนะคะ ช่วงแรกๆ หายไปประมาณ 12 กิโลฯ ตอนนี้ดีดขึ้นมาครึ่งทางแล้ว ซึ่งโดยโรคและการรักษา ถ้าใครมีญาติหรือคนในบ้านป่วยเป็นโรคนี้ก็จะเข้าใจว่า หลังการรักษาโดยการคีโม ผู้ป่วยจะกินไม่ค่อยได้ ซึ่งคุณพ่อและหลายคนก็จะเอาใจใส่ในการทาน ทำให้ข้อจำกัดในการทานอาหารน้อยลง แต่ทางบ้านก็พยายามคัดสรร แล้วก็เลือกสิ่งที่คุณพ่อทานได้ดีให้เขาทาน แล้วก็ไม่ได้ตีวง ข้อจำกัดมากจนเกินไป จนเขารู้สึกว่าเขาเป็นทุกข์ เพราะว่าสิ่งสำคัญมากที่จะต่อสู้กับโรคนี้ได้คือความสุข ความมีเป้าหมายที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ป่วยอยากต่อสู้กับมัน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องให้กำลังใจกัน ไม่บีบรัดตัวเขามากจนเกินไป

ตอนนี้ให้ยาถึงขั้นไหนแล้ว ?
คุณหมอแจ้งว่าเหลืออีก 2 ครั้ง เราก็ต้องรอดูก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าหยุดยาแล้ว ทุกอย่างก็ต้องดูไปตามอาการ พอมีปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น โควิด เราก็ต้องระวังกันมากขึ้น คุณหมอก็จะให้ความเอาใจใส่ในเรื่องของการดูแลในชีวิตประจำวัน เพราะชีวิตประจำวันส่งผลเยอะ ทางทีมแพทย์แฮปปี้ ตอนแรกคุณหมอค่อนข้างเครียด เพราะอย่างที่ทราบคุณพ่อเป็นระยะ 4 แล้ว และด้วยอายุของเขาเองมันค่อนข้างต้องลุ้น แต่จากผลการรักษาที่ผ่านมาคุณหมอเก่งมากๆ เราทำงานเป็นทีม ผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับหมอและคนที่บ้าน เขามีความสุขไหมกับสิ่งดีๆ ที่เรามอบให้ ตอนนี้ให้คีโมทุกเดือน ไม่ได้แพ้ อาการข้างเคียงมันน้อย แต่ไม่ใช่ไม่มี อาการกินข้าวได้น้อยคือเรื่องปกติ ตัวเหลืองนิดหน่อยหลังการให้ยา 10 วัน

คุณพ่อคิดถึงวงการไหม ?
คิดถึงนะ เขาคิดถึงเพื่อนฝูง คิดถึงการทำงาน ยังไม่ได้หยุดการทำงาน แพลนกำลังจะกลับมาทำงานใหม่ คุณหมอไม่ได้ห้าม อยู่ที่คนไข้ว่าเขาไหวแค่ไหน ต้องประเมินตัวเองให้ได้ว่าตัวเองไหวแค่ไหน ท่านกลับมาทำงานได้แต่ไม่หักโหม ก็ทำละครทำเบื้องหลังเป็นผู้จัด ส่วนถ้าได้ทำรายการใหม่ก็จะเห็นเป็นแนวครอบครัว ส่วนเรื่องร้องเพลง เขาแพลนแล้วว่าถ้าไม่มีโควิด มีวัคซีนแล้ว เขาแพลนที่จะจัดคอนเสิร์ต อย่างร้านอาหารเราคุณพ่อก็ไปเฝ้าร้านอาหาร คอยรับแขก ก็มีคนมาขอให้คุณพ่อร้องเพลงให้ฟัง พ่อบอกว่าขอให้หายก่อนครับจัดคอนเสิร์ตแน่นอน คุณพ่อเขาอยากทำงาน เพราะถ้าอุ้มหลานได้ก็น่าจะทำงานได้เนอะ

ตัวเราว่ายังไง ?
ก็ไม่ได้ห้ามนะ แต่สิ่งที่กังวลคือปัจจัยอื่นๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ เพราะคนที่เป็นโรคนี้และให้คีโมจะเผชิญกับภูมิคุ้มกันต่ำ แทบจะไม่มีภูมิ เขาจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ เราจะกังวลเรื่องนี้มากกว่า แต่โดยรวมดี เพราะย่ออุ้มหลานจากพื้นอุ้มขึ้นมา แค่นี้เราก็รู้สึกดี










