คพ. หารือประเทศเพื่อนบ้านป้องกันปัญหาหมอกควันข้ามแดน

2020-12-09 10:22:24

คพ. หารือประเทศเพื่อนบ้านป้องกันปัญหาหมอกควันข้ามแดน

Advertisement

คพ. หารือประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคแม่โขง  เตรียมการป้องกันและรับมือปัญหาหมอกควันข้ามแดน ปี 2564

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้หารือกับประเทศกัมพูชา เมียนมา และ สปป.ลาว ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล เพื่อเตรียมการป้องกันและรับมือปัญหาหมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคแม่โขงที่จะเกิดขึ้น

นายอรรถพล เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงปัญหาหมอกควันข้ามแดนซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดย คพ. จึงได้หารือกับประเทศสมาชิกประกอบด้วย สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา เพื่อเตรียมการรับมือปัญหาหมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคแม่โขง ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนปี 2564 นี้ โดยประเทศสมาชิกได้นำเสนอสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปีที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการต่างๆ ในการดำเนินงานเพื่อรับมือและควบคุมสถานการณ์ โดยเมียนมาได้ขอบคุณประเทศไทย ที่ได้วางแผนความร่วมมือกับเมียนมาในการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศ และเสริมสร้างความรู้ในการจัดการคุณภาพอากาศ รวมถึงพัฒนามาตรการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะดำเนินการร่วมกันในอนาคต นอกจากนี้ประเทศเพื่อนบ้านได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยที่ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการคุณภาพอากาศ เช่น การพยากรณ์คุณภาพอากาศล่วงหน้า 3 วัน การใช้เทคโนโลยีดาวเทียมมาติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ และการพัฒนาแอปพลิเคชันระบบบัญชาการดับไฟป่า และมีความสนใจให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการจัดอบรมให้ความรู้แก่ประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคแม่โขง

นายอรรถพล กล่าวว่า คพ. ได้เชิญชวนประเทศเพื่อนบ้านดำเนินการจัดทำแผนในการลดปริมาณเชื้อเพลิง และการนำมาใช้ประโยชน์แทนการเผา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในอนุภูมิภาคแม่โขง ทั้งนี้ ประเทศไทยตั้งเป้าในการลดจำนวนจุดความร้อนในปี 2564 ให้ลดลงอย่างน้อยร้อยละ 20 จากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำในที่ประชุมเพื่อขอความร่วมมือจากประเทศกัมพูชา เมียนมา และ สปป.ลาว ร่วมมือกันป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันในภูมิภาคอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกประเทศพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนต่อไป