"ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" เปิดโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ฟรี 1,300 ราย

2020-12-08 18:45:55

"ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" เปิดโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ฟรี 1,300 ราย

Advertisement

"ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" เปิดตัวโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่หลากหลาย รับสมัครประชาชนไทยอายุ 50-70 ปี  1,300 ราย เข้าร่วมโครงการฟรี

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 สำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีการเปิดตัว “โครงการพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่หลากหลาย” ซึ่งเป็นโครงการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้กับประชาชนไทย อายุระหว่าง 50-70 ปี จำนวน 1,300 ราย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สนองพระปณิธานใน ศ.ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีเยี่ยมเทียบเท่าระดับสากล โดยมี ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมด้วย ศ.ดร.พญ.จิรายุ เอื้อวรากุล รองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายวิจัยนวัตกรรมและวิเทศสัมพันธ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ศ.พญ.จิรพร เหล่าธรรมทัศน์ รองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายประสัมพันธ์และการตลาด และคณบดีคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ และ  ผศ.นพ.บัญชร ศิริพงศ์ปรีดา ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายประกันคุณภาพการศึกษาคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ร่วมให้รายะเอียดโครงการ 

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยถึงพระกรุณาธิคุณใน ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมีพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย โดยทรงมีพระวิสัยทัศน์ในการวางรากฐานการดำเนินงานด้านต่างๆ ที่นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับการรักษาพยาบาลให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล พร้อมทั้งมีพระประสงค์ที่จะยกระดับการศึกษาด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในประเทศไทย เน้นการพัฒนานวัตกรรมค้นคว้าสร้างองค์ความรู้ใหม่ผ่านกระบวนการวิจัยที่เป็นมาตรฐานสากล และนำมาปฏิบัติใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยในทุกถิ่นฐานอย่างยั่งยืน รวมทั้งพระปณิธานอันแน่วแน่ในการช่วยเหลือผู้ที่ต้องทนทุกข์จากโรคมะเร็ง ควบคู่กับการส่งเสริมป้องกันมะเร็งเพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสรอดชีวิต มีอายุยืนยาวขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


ด้าน ศ.ดร. พญ.จิรายุ เอื้อวรากุล รองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายวิจัยนวัตกรรมและวิเทศสัมพันธ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข กล่าวถึงที่มาของ โครงการพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่หลากหลายว่า “จากพระปณิธานขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงมีพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณต่อประชนชาวไทยจึงได้เกิดโครงการอันสืบเนื่องมาจากพระปณิธานเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางด้านโรคมะเร็งขึ้น ภายใต้โครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคมของทุกปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งในหลากหลายชนิด และเคยได้ดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมาแล้วถึง 2 โครงการด้วยกัน ได้แก่ โครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ ปี 2552 “โครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก” และโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ ปี 2556 “โครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่กลุ่มที่ 2” โดยจากการตรวจประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 50-65 ปี จำนวนทั้งสิ้น 3,231 ราย พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จำนวน 30 ราย เป็นระยะที่ 1 และ 2 ที่ยังไม่ได้มีการแพร่กระจายประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ และในโครงการยังมีการตรวจพบเป็นติ่งเนื้อที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อีก จำนวน 701 ราย ภายหลังให้การรักษาทำให้ผู้เข้าร่วมในโครงการนี้มีชีวิตยืนยาวขึ้น ต่างจากกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยผ่านการตรวจคัดกรองซึ่งจะเป็นโรคในระยะแพร่กระจายถึง 70-80เปอร์เซ็น  ลดการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้ นับเป็นพระกรุณาธิคุณจากพระองค์ท่านต่อผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนั้นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่หลากหลายในครั้งนี้”

ศ.พญ.จิรพร เหล่าธรรมทัศน์ รองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายประสัมพันธ์และการตลาด และคณบดีคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีด้านภาพวินิจฉัยที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้นำเข้ามาใช้ในการตรวจในโครงการนี้ว่า “การตรวจหารอยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกวิธีหนึ่ง คือ การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ (CT colonography) ซึ่งสามารถสร้างภาพของลำไส้ใหญ่ได้คล้ายกับการส่องกล้อง และมีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถค้นหาติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ขนาด 6 มิลลิเมตร ที่ค่า Sensitivity 82.9 เปอร์เซ็น , Specificity 91.4 เปอร์เซ็น  และติ่งเนื้อขนาด 10 มิลลิเมตร ที่ค่า Sensitivity 87.9เปอร์เซ็น , Specificity 97.6 เปอร์เซ็น  ซึ่งติ่งเนื้อเหล่านี้ถ้าทิ้งนานไปอาจกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และมีเทคนิคการตรวจที่สามารถลดการตรวจจับผิดว่าอุจจาระที่ติดค้างในลำไส้เป็นติ่งเนื้อ ส่งผลให้การตรวจมีความแม่นยำเพิ่มขึ้น และวิธีการตรวจ CT Colonography นี้ยังสามารถใช้เสริมการตรวจโดยวิธีส่องกล้องในการดูมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะต่าง ๆ ซึ่งมีลำไส้อุดตันและไม่สามารถผ่านกล้องเข้าไปได้ นอกจากนี้ ยังสามารถดูผนังด้านนอกของลำไส้ใหญ่ และอวัยวะภายในช่องท้องซึ่งไม่สามารถเห็นด้วยการส่องกล้องได้ด้วย”

ผศ.นพ.บัญชร ศิริพงศ์ปรีดา หัวหน้าโครงการฯ และผู้ช่วยคณบดีฝ่ายประกันคุณภาพการศึกษาคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ได้กล่าวถึงประโยชน์ของโครงการนี้ว่าเป็นโครงการศึกษาประสิทธิภาพของวิธีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีทั้งการตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจปัสสาวะ การตรวจทางรังสี การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยในโครงการนี้จะมุ่งการตรวจหลัก 2 วิธี คือการตรวจโดยใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่า CT Colonography และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ หรือการทำ Colonoscopy ซึ่งจะมีการศึกษาควบคู่ไปกับวิธีการตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจปัสสาวะ เพื่อหาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง และเหมาะสมกับประชากรที่จะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล และเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาความสัมพันธ์ของอาหารที่รับประทาน และแบคทีเรียในทางเดินอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลกับการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย โดยข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเหล่านี้จะถูกนำไปใช้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อช่วยในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ต่อไป

ปัจจุบันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยอยู่ใน 3 อันดับแรกของโรคมะเร็งในประเทศไทย และเป็นมะเร็งที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 2.4 เท่า การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยให้เราตรวจพบผู้ป่วยได้ในระยะเริ่มแรกซึ่งยังไม่มีการแพร่กระจายได้มากขึ้น และเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาตามมาตรฐานจะมีผลการรักษาดีกว่าการรักษาในระยะที่มะเร็งแพร่กระจายแล้วเป็นอย่างมาก และลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ รวมทั้ง การคัดกรองยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่อตรวจพบความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็ง และให้การรักษาที่เหมาะสมก็จะลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งในผู้รับการตรวจและลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย สำหรับ “โครงการพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่หลากหลาย” เป็นโครงการที่จะให้บริการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หลากหลายวิธีทั้งการตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจปัสสาวะ การตรวจทางรังสี การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ให้แก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเปิดรับสมัครให้ประชาชนชายไทย อายุระหว่าง 50 – 70 ปี ที่ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคมะเร็ง และไม่เคยส่องกล้องลำไส้ใหญ่มาก่อนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,300 ราย สามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ crcscreen.cra.ac.th ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะเต็มจำนวน หรือสมัครทางโทรศัพท์ที่เบอร์ 0-2576-6000 ต่อ 8421-4 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 0-2576-6000 ต่อ 8411 ในวันและเวลาราชการ