"พรรคกล้า" เปิดแนวคิด "8 ประตูนำ เป๋าตังเป็นเป๋าโต" ช่วยสร้างโอกาสให้กับคนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่อาคารเอเชียบิวดิ้ง นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก เปิดแถลงข่าวถึงแนวคิด "8 ประตูนำ เป๋าตังเป็นเป๋าโต" ขยายผลโครงการคนละครึ่ง ของรัฐบาล เพื่อเป็น SuperApp สำหรับประชาชนคนไทยทุกคน โดยนายกรณ์ กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดจากความต้องการเติมความสามารถของแอพเป๋าตัง และโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน เพราะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จากระดับฐานราก หากเราเพิ่มความสามารถแอพให้มากขึ้นก็จะเป็นเครื่องมือของภาครัฐในการให้บริการประชาชนได้อย่างหลากหลายมากขึ้น วัตถุประสงค์หลักของพรรคกล้า วันนี้ คือ ต้องการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับจุดเริ่มต้นของพรรคกล้า เรามีหลักคิด 4 ประการที่นำไปสู่การกำหนดทุกนโยบาย ประกอบด้วย 1.ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสอยู่ดีกินดี 2.ต้องการให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีมีความสุข 3.ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีความรู้สึกว่ามีความโอกาสก้าวหน้าในชีวิต และ 4.เมื่อตกที่นั่งลำบากประชาชนทุกคนต้องมีที่พึ่ง
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า จึงเป็นที่มาของข้อเสนอของพรรคกล้า ที่จะต่อยอดโครงการแอพลิเคชั่นเป๋าตังและคนละครึ่งของรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐและระบบราชการที่ล้าหลังและเป็นตัวถ่วงสำคัญ ดังนั้นอะไรที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขั้นตอน เพิ่มความโปร่งใส ลดการทุจรติคอรัปชั่น ที่สำคัญ คือ ลดต้นทุนงบประมาณที่ใช้ในระบบราชการนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและประชาชนมีโอกาสเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรหยุดเพียงแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหยุดแค่การลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้เท่านั้น ส่วนข้อเสนอ 8 ข้อของพรรคกล้า ที่จะช่วยให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น ประกอบด้วย 1.ประตูเปิดสู่ National e-Marketplace แรกของคนไทยเอง เนื่องจากปัจจุบันการซื้อขายจะอยู่บน E-marketplace ของต่างประเทศ แอพเป๋าตังจะสามารถต่อยอดเพื่อให้เกิดได้ 2.ประตูเปิดสู่การหยุดข้อมูลรั่วไหลไปสู่ Platform ต่างชาติ เวลานี้ฐานข้อมูลการซื้อขายของเราอยู่ในมือต่างประเทศ จากนี้ไปเรามีฐานข้อมูลประชาชนมหาศาลแล้ว ดังนั้นสามารถใช้ข้อมูลสร้างแพลตฟอร์มเป็นของเราเองได้ 3.ประตูเปิดสู่ การเข้าถึง Data เพื่อทุกธุรกิจ ที่จะมีข้อมูลไปต่อยอดการทำธุรกิจได้
นายกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า 4.ประตูเปิดสู่การไม่เสียค่า GP เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ลดปัญหาดังกล่าวไป 5.ประตูเปิดสู่ระบบเงินกู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้มาประเมินของตัวเองได้สามารถเข้าสู่การกู้ยืมทุนในระบบได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีที่ดินหรือผู้ค้ำประกัน 6.ประตูเปิดสู่การเป็น Digital ID ของคนไทยทุกคน เราสามารถที่จะแสดงตนต่อระบบราชการได้ ไม่ต้องใช้เอกสารมากมายเหมือนที่ผ่านมา โดยใช้แอพเป๋าตังพัฒนาเป็นดิจิทัลไอดี 7.ประตูเปิดสู่การเข้าถึงทุกสวัสดิการของรัฐได้อย่างประสิทธิภาพ เช่น อีกไม่นานเราต้องฉีดวัคซีน เราสามารถใช้แอพฯ เพื่อจองคิวและเช็คสิทธิว่าเราจะใช้บริการได้ที่สถานพยาบาลใด และ 8.ประตูเปิดสู่การรับสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่สามารถลดขั้นตอนของระบบราชการได้ โดยทั้ง 8 แนวคิดดังกล่าวจะเป็นเสมือนประตูสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการเป็น National Platform และนำไปสู่การปฏิรูประบบราชการ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของพรรคกล้า
ด้าน นายวรวุฒิ กล่าวว่า แนวคิดนี้นับเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาส โดยสามารถใช้มือถือในการสร้างอาชีพต่อยอดจากผู้ใช้แอพเป๋าตังสู่การได้ประโยชน์ต่อประชาชนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั่วประเทศ โดยแอพเป๋าตังจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยดิจิทัล ขณะนี้เรามีข้อมูลผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ 10 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 15 ล้านคนในเฟส 2 ต้นปีหน้า มีร้านค้าในระบบมากกว่า 1 ล้าน รัฐบาลในงบประมาณในการดำเนินการกว่า 50,000 ล้านบาท ไม่มีบริษัทเอกชนหรือบริษัทออนไลน์ที่ไหนที่จะใช้เงินขนาดนี้ในการสร้างฐานลูกค้า ได้เท่ากับรัฐบาลไทย ฉะนั้นเมื่อเรามีฐานข้อมูลขนาดนี้ เราจะไม่พัฒนาเป็นต่อยอดเป็น E-marketplace ให้เป็นแพลตฟอร์มของคนไทย จะถือว่าเป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่ง และเป็นการใช้เงินที่ไม่คุ้มค่า ดังนั้นรัฐบาลต้องผลักดันและต้องทำให้ได้
รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เป็นเอสเอ็มอี เป็นผู้ค้า แต่หากเราต่อยอดไปเป็นเกษตรกรให้สามารถขายสินค้าเกษตรในโครงการแบบนี้ จะทำให้เกษตรกรของเราไม่ต้องอาศัยพ่อค้าคนกลาง ไม่ต้องอาศัยล้ง สามารถขายตรงจากสวนได้ทั่วประเทศ และอาจขายได้ทั่วโลกในอนาคต นอกจากนี้เรายังสามารถพัฒนาจากออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ประเทศจีนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดด้วยวิธีการทำธุรกิจผ่านออนไลน์ สมัยก่อนเกษตรกรของจีนก็เหมือนบ้านเราที่ไม่สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้ โครงการคนละครึ่งสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ทำให้คนสูงอายุสามารถรู้จักการขายออนไลน์ รัฐบาลต้องเข้าไปมีส่วนโดยการฝึกอบรมต่อยอดให้คนขายออนไลน์เป็น และพัฒนาต้นทุนการขนส่งให้ถูกลง เพราะขณะนี้การขนส่งยังมีต้นทุนสูงทำให้ธุรกิจออนไลน์ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หากรัฐบาลสามารถทำให้การขนส่งถูกลง ก็จะทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจไทยไปสู่ดิจิทัล ซึ่งความเหลื่อมล้ำก็จะหมดไป และนี่คือโอกาสของคนตัวเล็กอย่างแท้จริง