“จุรินทร์” แจ้งข่าวดี 11 ธ.ค.ดีเดย์จ่ายส่วนต่างยางพารา

2020-12-06 23:00:20

“จุรินทร์” แจ้งข่าวดี 11 ธ.ค.ดีเดย์จ่ายส่วนต่างยางพารา

Advertisement

“จุรินทร์” แจ้งข่าวดี 11 ธ.ค.ดีเดย์จ่ายส่วนต่างยางพารา ส่วนบัตรชมพูเข้า ครม.สัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.  ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ  รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย และติดตามสถานการณ์ราคายางพารา และโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ที่สถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร ต.เขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ว่า ในวันนี้ตนได้แจ้งเรื่องสำคัญที่เกษตรกรชาวสวนยางต้องการทราบ 2 เรื่อง คือ เป็นที่ทราบว่าปีนี้เป็นปีที่ 2 ของนโยบายประกันรายได้เกษตรกร พืช 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด สำหรับยางพารานั้น ครม. ได้ให้ความเห็นชอบไปแล้วที่จะให้มีโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางปีที่ 2 แต่มีประเด็นคำถามจากเกษตรกร 2 ข้อ คือ ผู้ที่เป็นชาวสวนยาง ถือบัตรสีชมพู ที่ไม่ได้ถือบัตรสีเขียวนั้นจะได้รับเงินส่วนต่างด้วยหรือไม่ สำหรับเกษตรกรที่ถือบัตรสีชมพูนั้นได้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ลงนามเสนอที่ประชุม ครม. ไปแล้ว คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ได้ในวันอังคารหน้า หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะสามารถจ่ายเงินส่วนต่างให้กับผู้ถือบัตรสีชมพูได้เช่นเดียวกับปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ชาวสวนยางต้องการทราบว่าจะมีการจ่ายเงินส่วนต่างเมื่อใดนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอแจ้งข่าวดีให้กับเกษตรกรชาวสวนยางว่า เงินส่วนต่างงวดแรกหากไม่มีอะไรผิดพลาด หรือเปลี่ยนแปลงไปจากที่กำหนดไว้ ก็จะได้เริ่มจ่ายส่วนต่างครั้งแรกวันที่ 11 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ และถัดจากนั้นจะจ่ายต่อไปทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือน จนกว่าจะหมดฤดูการกรีดสำหรับปีนี้ สำหรับปีหน้าก็ว่ากันใหม่ ส่วนเรื่องเงินส่วนต่างข้าวนั้น ขณะนี้ได้มีการโอนเงินส่วนต่างไปแล้ว 5-6 งวด โดยจะมีการงวดถัดไปในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ซึ่งถ้าจำไม่ผิดจะเป็นการจ่ายในงวดที่ 5 ซึ่งจะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหมดฤดูกาลเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ที่สำคัญเรื่องหนึ่งก็คือขณะนี้ราคายาง และราคาปาล์มในภาคใต้กระเตื้องดีขึ้นมาก รวมทั้งภาคอื่นที่ปลูกด้วย สำหรับยางพาราขณะนี้ราคาไม่ได้ทรงอยู่ที่ กก.ละ 40 บาทเหมือนปีที่แล้ว เพราะว่าอย่างน้อยยางแผ่นดิบมาตรฐานชั้น 3 ราคาก็ขึ้นมา กก.ละ 60 กว่าบาท ยางแผ่นรมควัน ราคา FOB ก็ขึ้นไปถึง 70 กว่าบาทแล้ว ขณะเดียวกันน้ำยางข้นก็ขึ้นไป กก. ละ 55-57 บาท ยางก้อนถ้วยก็ขึ้นไป กก. ละ 20-23 บาท แล้วแต่วันแล้วแต่กรณี ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีที่ราคายางขึ้นมา หากจะพูดถึงราคากลางยางแผ่นดิบชั้น 3 ที่เป็นยางมาตรฐานอยู่ที่ กก. ละ 60 ขณะนี้ต้องถือว่าทะลุ 60 บาทไปแล้ว ส่วนปาล์มนั้นก็ประกันรายได้ที่ กก.ละ 4 บาท ปรากฏว่าในช่วง1-2 เดือนที่ผ่านมา ราคาปาล์มก็ทะลุ 4 บาทไปแล้ว ขณะนี้ก็อยู่ที่กิโลกรัมละ 6-7 บาทก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนยางและชาวสวนปาล์ม