"ในหลวง-พระราชินี" ทรงเป็นประธานจุดเทียนมหามงคลสดุดีพระเกียรติคุณ ร.9

2020-12-05 22:45:01

"ในหลวง-พระราชินี" ทรงเป็นประธานจุดเทียนมหามงคลสดุดีพระเกียรติคุณ ร.9

Advertisement

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  ทรงเป็นประธานในพิธีจุดเทียนมหามงคลเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสน้อมรำลึก ร.9 ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ตลอดระยะเวลา 70 ปีแห่งรัชสมัย

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 5 ธ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พุทธศักราช 2563 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย 


ต่อมาเวลา 19.52 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีจุดเทียนมหามงคลเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2563 พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสีนีนาฏ พิลาสกัลยาณี ณ ท้องสนามหลวง ท่ามกลางมหาสมาคมของประชาชนทุกหมู่เหล่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ รมว.กลาโหม กราบบังคมทูลขอพระกรุณาขอพระราชทานพระราชดำรัสเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ความว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่มาชุมนุม ณ ที่แห่งนี้ ล้วนมีความรู้สึกปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี มาทรงประกอบพิธีจุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ในวันนี้


ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีต่อเหล่าปวงชนชาวไทย ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักน้อมนำพระราชปณิธานของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี ยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรม พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติตลอดไป โอกาสนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอรับพระราชทานพระราชดำรัส เพื่อเทิดพระเกียรติคุณและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ต่อไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันพ่อแห่งชาติ และวันชาติ ความว่า ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมในพิธีจุดเทียนมหามงคล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ทั้งได้มาอยู่ท่ามกลางประชาชนทุกหมู่เหล่า ในวันนี้


พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระราชอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ตลอดระยะเวลา 70 ปีแห่งรัชสมัย ดังเป็นที่ประจักษ์ว่าได้ทรงวางรากฐานการพัฒนาประเทศ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดำเนินก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงยั่งยืน โดยการส่งเสริมพัฒนาการศึกษา การแพทย์ และการสาธารณสุข ตลอดจนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งได้พระราชทานหลักการดำเนินชีวิตและประพฤติตนปฏิบัติงานไว้ คือเศรษฐกิจพอเพียง ยึดมั่นในทางสายกลาง กระทำการทุกอย่างให้พอเหมาะพอดี โดยอาศัยความมีเหตุผลเป็นเครื่องพิจารณา อาศัยวิชาความรู้เป็นเครื่องมือปฏิบัติ และอาศัยคุณธรรมความสุจริตเป็นเครื่องกำกับประคับประคอง ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะความเป็นอยู่อย่างไร ประกอบอาชีพการงานใดย่อมมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง สามารถพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น เจริญขึ้น และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลกได้ ประเทศไทยจึงดำรงอยู่ด้วยความเข้มแข็ง ให้ชาวไทย ตลอดจนผู้มี่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพำนักอาศัย ได้มีชาติบ้านเมืองเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นจุดหมายร่วมกัน ในอันที่จะรักษาสิ่งที่ดีงามของชาติ พร้อมทั้งปฏิบัติสร้างสรรค์ความดีความเจริญ เพื่อความร่มเย็นเป็นปรกติสุข ความมั่นคงเป็นปึกแผ่น และความเจริญยั่งยืนของประเทศ ประชาชนชาวไทยจึงเคารพเทิดทูนพระองค์ในฐานะพ่อแห่งแผ่นดิน และถือเอาวันที่ 5 ธ.ค.วันคล้ายวันพระราชสมภพเป็นวันพ่อแห่งชาติ และวันชาติไทย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้เสมอมา ขอพระบารมีของพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จงคุ้มครองรักษาประเทศชาติและประชาชนไทยให้มีความวัฒนาผาสุกตลอดไป