"กลุ่มเพื่อน-แอมเนสตี้" บุกสถานทูตกัมพูชา จี้เร่งสอบสวนปิดคดีอุ้ม "วันเฉลิม" หายตัวลึกลับ
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. มีรายงานว่า กลุ่มเพื่อนวันเฉลิม และนักกิจกรรมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เดินทางไปยังสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 6 เดือนกรณีการหายตัวไปของวันเฉลิม พร้อมยื่น 14,157 รายชื่อจากผู้สนับสนุน เพื่อส่งข้อเรียกร้องถึงทางการกัมพูชา ให้มีการสืบสวนเรื่องการหายตัวของวันเฉลิม อย่างมีประสิทธิภาพ เร่งด่วน รอบด้าน และโปร่งใส เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัว นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมเสื้อฮาวายหลากสีสัน ซึ่งเป็นเสื้อที่วันเฉลิม ชอบสวมใส่เป็นประจำ นอกจากนี้ถือหน้ากากวันเฉลิม และชวนติดแฮชแท็ก #หกเดือนเราไม่ลืม เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกคนยังระลึกถึงและยังติดตามความคืบหน้าของคดีอยู่
ด้าน นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า เนื่องในวาระครบรอบ 6 เดือนการหายตัวไปของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนวันเฉลิม และนักกิจกรรมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้เดินทางไปขอเข้าพบ นายอูก ซอร์พวน (H.E. Mr.Ouk Sorphorn) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อพูดคุยและสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนที่ส่งข้อเรียกร้องถึงทางการกัมพูชา เพื่อให้เร่งสืบสวนเรื่องนี้ โดยเรายังคงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือ ต้องการให้ทางการกัมพูชา เร่งสืบสวนการหายตัวไปของวันเฉลิม อย่างมีประสิทธิภาพ เร่งด่วน รอบด้าน และโปร่งใสและคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของผู้ที่สูญหายโดยทันที เนื่องจากผ่านมา 6 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด
นางปิยนุช กล่าวอีกว่า ขณะนี้ นางสาวสิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมทีมทนายความ เพื่อไปให้ปากคำกับทางการกัมพูชา ในคดีการหายตัวไปของน้องชาย ซึ่งจะมีนัดให้ปากคำในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากนี้ทางการกัมพูชา จะสามารถสืบสวนและแจ้งความคืบหน้าให้กับทางครอบครัวและสังคมได้รับทราบถึงชะตากรรมของวันเฉลิม และหาคำตอบได้ว่าอะไรคือมูลเหตุของการหายตัวไป ใครเป็นผู้กระทำ และขอให้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ขอบคุณภาพจาก "แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย"