ศาล รธน. วินิจฉัย "บิ๊กตู่"รอดปมอยู่บ้านพักทหาร

2020-12-02 15:30:49

ศาล รธน. วินิจฉัย "บิ๊กตู่"รอดปมอยู่บ้านพักทหาร

Advertisement

ศาล รธน. วินิจฉัย "บิ๊กตู่"รอดปมอยู่บ้านพักทหาร  เป็นไปตามระเบียบ ทำให้การดำรงตำแหน่งนายกฯไม่สิ้นสุดลง

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ โดยคำร้องดังกล่าว นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ คณะ เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสิ้นสุดลง อาจเป็นการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากยังอยู่บ้านพักทหาร ทั้งที่ไม่มีสิทธิการพักอาศัยเพราะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณอายุราชการ ผบ.ทบ. และเคยเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก และทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพบกและประเทศชาติ หาใช่เข้าพักในบ้านพักรับรองในสถานะเดียว หากผู้ถูกร้องไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก เป็นพลเรือน ย่อมไม่มีสิทธิพักในบ้านพักรับรองตามระเบียบของกองทัพบก 

การที่กองทัพบกกำหนดให้อาคารหมายเลขที่ 53/54  เป็นบ้านพักรับรอง  โดยสนับสนุนกระแสไฟฟ้า น้ำประปา ได้พิจารณาความเหมาะสมตามความจำเป็น การให้สิทธิดังกล่าวไม่ใช่เฉพาะผู้ถูกร้องเท่านั้น เป็นไปตามดุลพินิจกองทัพบก และระเบียบซึ่งใช้มาตั้งแต่ 16 ก.พ.2548  ก่อนที่จะถูกร้อง  ทั้งนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ความปลอดภัยของนายกฯ และครอบครัวมีส่วนสำคัญ รัฐมีหน้าที่จัดการดูแลให้ความปลอดภัยแก่นายกฯ และครอบครัวตามความเหมาะสม การจัดบ้านพักที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัวสร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกายและจิตใจในการปฏิบัติภารกิจบริหารประเทศล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนบ้านพิษณุโลก การบำรุงรักษายังไม่พร้อมใช้ ดังนั้นเพื่อให้นายกฯปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศอย่างสมเกียรติ การที่กองทัพบกสนับสนุนบ้านพักมาตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ.ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ เข้าพักยังบ้านพักของกองทัพบก จึงเป็นไปตามระเบียบ ไม่ได้ทำให้ผู้ถูกร้องได้รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆจากกองทัพบกเป็นพิเศษ นอกเหนือไปจากบุคคลอื่น ดังนั้นความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องจึงไม่สิ้นสุดลง 

ส่วนประเด็นผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น  เห็นว่าเมื่อผู้ถูกร้องพักอาศัยบ้านพักรับรองกองทัพบก เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกแล้ว จึงไม่เป็นกรณีถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดในการที่จะทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่  และไม่เป็นการกระทำขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ดังนั้นผู้ถูกร้องจึงไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องไม่สิ้นลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ