เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ยังคงจัดชุดออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะริมแม่น้ำสายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันคนไทยหรือชาวเมียนมาลักลอบข้ามแดนมา หลังในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักตรวจพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 20 คน รวมไปถึงก่อนหน้านี้มีหญิงสาวชาวไทย 3 คน หลบหนีข้ามแดนมาหลังจากไปทำงานในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองท่าขี้เหล็ก เมื่อตรวจก็พบว่า มีการติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง 3 คน โดยตรวจพบเป็นหญิงวัย 29 ปี จ.เชียงใหม่ 1 คน และพื้นที่ จ.เชียงราย 2 คน เป็นหญิงอายุ 26 ปี ชาวอำเภอขุนตาล จ.เชียงราย และหญิง อายุ 23 ปี ชาว จ.พะเยา
วันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานศึกษาและโรงเรียนในพื้นที่อำเภอแม่สาย สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาเขต 3 จำนวนมาก อย่างน้อย 10 แห่ง ได้มีการประกาศปิดโรงเรียนหยุดทำการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราว 6 วันคือระหว่างวันที่ 1-6 ธ.ค.63 โรงเรียนบางแห่งเช่นโรงเรียนอนุบาลนิมิตใหม่ได้ประกาศหยุดยาวถึง 14 วันโดยมีกำหนดเปิดอีกครั้งในวันที่ 14 ธ.ค. 63
นายปุณณวิช เทพสุรินทร์ ผอ.โรงเรียนบ้านเวียงพาน กล่าวว่า โรงเรียนติดตามข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีความรุนแรงมากขึ้นจึงเห็นควรให้ปิดโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 1-6 ธ.ค.แต่ว่าในส่วนของครูและบุคลากรนั้นจะยังคงมาปฏิบัติหน้าที่ เพื่อที่จะได้ช่วยกันล้างทำความสะอาดภายในโรงเรียน จากนั้นจะได้ประสานกับเทศบาลตำบลแม่สายขอให้มาฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ปกครองว่าที่โรงเรียนมีความปลอดภัย
ขณะที่บรรยากาศในตัวเมืองแม่สายช่วงคืนที่ผ่านมาพบว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงาแทบจะไม่มีรถวิ่งตามท้องถนน เนื่องจากส่วนใหญ่เกรงว่าจะติดเชื้อโควิด-19 ได้ เนื่องจากหญิงสาวทั้ง 3 คนที่ติดเชื้่อผ่านและแวะพักในพื้นที่ ซึ่งหลายพื้นที่มีแชร์ภาพในกลุ่มไลน์ต่างๆ ได้มีเร่งทำความสะอาดพื้นที่ของตัวเองเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการและนักท่องเที่ยว ตลอดจนลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของเชื้อโรค เช่น ไร่ชาฉุยฟง พื้นที่อ.แม่จัน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ลอบเข้าเมืองจากประเทศเมียนมา มาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก เข้ามาท่องเที่ยว และบริเวณที่พักในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นจุดที่ 2หญิงสาวผู้ติดเชื้อเชียงรายไปเปิดใช้บริการพักหลังจากหลบหนีข้ามแดนมา
เช่นเดียวกับบรรยากาศในตัวเมืองจังหวัดท่าขี้เหล็กซึ่งก็เป็นไปอย่างเงียบเหงาเช่นเดียวกัน โดยบนถนนมีรถวิ่งอย่างบางตา หรือแม้ตลาดในตัวเมืองก็มีประชาชนเดินทางไปใช้บริการค่อนข้างน้อย แม้จะเป็นเวลากลางวันยิ่งในพื้นที่ตลาดท่าล้อ ซึ่งเคยมีคนเดินพลุกพล่านแต่ปัจจุบันแทบไม่มีใครไปเดิน เพราะส่วนใหญ่ระวังการแพร่กระจายของเชื้อโควิด
สำหรับมาตรการติดตามและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับกลุ่มผู้ติดเชื้อของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ก็ยังคงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของของผู้ติดเชื้อเคส 2 คนพื้นที่ จ.เชียงราย มีกลุ่มเสี่ยงประมาณ 26-30 ราย ซึ่งมีกลุ่มเสี่ยงสูงอยู่ประมาณ 4-5 ราย ซึ่งต้องรอการยืนยันผลการตรวจจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.เชียงรายหรือกระทรวงสาธารณสุขแจ้งผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง