“โมเดอร์นา” ยื่นขออนุญาติใช้วัคซีนโควิด-19 ลุ้นกลางธ.ค.ได้แน่

2020-12-01 08:10:37

“โมเดอร์นา” ยื่นขออนุญาติใช้วัคซีนโควิด-19 ลุ้นกลางธ.ค.ได้แน่

Advertisement


“โมเดอร์นา” เป็นบริษัทที่ 2 ที่จะยื่นเรื่องขออนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐ เข็มแรกมาแน่ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้

“โมเดอร์นา” บริษัทยาชั้นนำของสหรัฐ เตรียมยื่นเรื่องขออนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ฉุกเฉินในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ต่อองค์การอาหารและยา หรือเอฟดีเอ (FDA) ของสหรัฐ และสำนักงานทางการแพทย์ในยุโรปด้วย เพื่อจะสามารถใช้ได้ในวงกว้าง โดยทั้งเอฟดีเอ และหน่วยงานการแพทย์ของยุโรป จะพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองวัคซีนของโมเดอร์นา และจะตัดสินชี้ขาดว่า มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะแนะนำให้เปิดตัวและนำออกมาใช้อย่างแพร่หลายหรือไม่ ซึ่งผลการศึกษาทางคลินิกของโมเดอร์นา พบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิดได้มากกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ และป้องกันไม่ให้มีอาการป่วยรุนแรงได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม



ไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ผลทดลองที่มีประสิทธิภาพดีเหมือนกัน ได้ยื่นขอให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐอนุมัติไปก่อนแล้ว ส่วนหน่วยงานที่ดูแลวัคซีนของสหราชอาณาจักร ก็กำลังทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนของไฟเซอร์ด้วย และรวมทั้งวัคซีนโควิดชนิดอื่นจากบริษัทแอสตราเซเนกาที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เพื่อขออนุมัติใช้ฉุกเฉิน

หากโมเดอร์นาได้รับอนุมัติตามคำขอล่าสุดนี้ คาดกันว่า โอกาสที่เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์จะสามารถเลือกใช้วัคซีนต้านโควิด-19 จากของบริษัทโมเดอร์นา หรือของไฟเซอร์ ที่ยื่นขออนุมัติการใช้งานฉุกเฉินต่อคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ ไปก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน เพื่อฉีดให้กับผู้ป่วยภายในช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นอย่างเร็วยิ่งเพิ่มสูงขึ้น



บริษัทเทคโนโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ แห่งนี้กล่าวว่า การทดสอบในคลินิกกับผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 คน พบว่า ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีพอ ๆ กับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคสำหรับเด็กที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทางบริษัทเปิดเผยว่า ในการทดสอบครั้งล่าสุดนั้น มีอาสาสมัครที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้าร่วม 196 คน ซึ่งให้ยาหลอกแก่อาสาสมัคร 185 คน ขณะที่ อีก 11 คนได้รับวัคซีนตัวจริง โดยมีผู้ป่วยรุนแรงจำนวน 30 คนในกลุ่มที่ได้ยาหลอก ซึ่งจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 คน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์จำนวนมากแสดงความกังวล เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดในเวลานี้ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนเริ่มละเลยคำเตือนเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงไม่เดินทางช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่มีอีกหลายคนแสดงความตั้งใจจะเดินทางกันอีกครั้งในเทศกาลวันคริสต์มาสและวันปีใหม่

ขณะที่จำนวนประชากรของสหรัฐฯ มีสัดส่วนราว 4 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ในประเทศนี้กลับมีสัดส่วนถึงเกือบ 1 ใน 5 ของตัวเลขจากทั่วโลก และสูงสุดกว่าประเทศอื่น ๆ ที่กว่า 267,000 คน เมื่อเทียบกับจำนวนรวมราว 1.46 ล้านคน ตามข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ประเมินว่า ชาวอเมริกันราว 20 ล้านคนน่าจะได้รับวัคซีนภายในช่วงหลังของเดือนธันวาคมนี้ โดยกลุ่มบุคลากรด้านสาธารณสุขที่รับศึกครั้งนี้น่าจะเป็นผู้ที่ได้รับยาเป็นกลุ่มแรกๆ ตามด้วยผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามบ้านพักคนชราต่าง ๆ



มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ หรือ CDC จะมีการประชุมในวันอังคารเพื่อวางแผนรายละเอียดว่าผู้ได้จะเป็นผู้ได้รับวัคซีนก่อนใคร

นอกจากนั้น มีการประเมินว่า ชาวอเมริกันหลายล้านคนน่าจะได้รับวัคซีนสูตรใดสูตรหนึ่งภายในช่วงต้นปีหน้า แม้ว่า ผลสำรวจล่าสุดจะแสดงให้เห็นว่า คนอเมริกันราว 4 ใน 10 กล่าวว่า ตนจะปฏิเสธไม่รับวัคซีน เพราะเหตุผลส่วนตัวที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน หรือ เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม วัคซีนของบริษัททั้ง 3 มีความแตกต่างกันพอสมควร โดยวัคซีนของแอสตราเซเนกาของอังกฤษ มีราคาถูกกว่า ประมาณ 3 ปอนด์ (4 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณ 121 บาทต่อโดส เมื่อเทียบกับ 15 ปอนด์ หรือประมาณ 606 บาทของไฟเซอร์ และ 25 ปอนด์ หรือประมาณ 1,010 บาทของโมเดอร์นา และวัคซีนของแอสตราเซเนกา ก็แจกจ่ายสะดวกกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำมากนัก แต่ประสิทธิภาพของการทดลองนั้น อยู่ระหว่าง 62 เปอร์เซ็นต์ ถึง 90 เปอร์เซ้นต์ ต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา