นายกฯเปิดบริการเรือไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษม

2020-11-27 11:40:05

นายกฯเปิดบริการเรือไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษม

Advertisement

นายกฯเป็นประธานเปิดบริการเรือไฟฟ้า คลองผดุงกรุงเกษม เส้นทางเดินเรือสีเขียวสายแรกของไทย เชื่อมต่อ "ล้อ-ราง-เรือ" บริการฟรี 6 เดือน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดบริการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) เส้นทางคลองผดุงกรุงเกษมอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งสายแรกของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โดยมี  ครม. ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง เขตปทุมวัน โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีและคณะ ร่วมทดลองโดยสารเรือไฟฟ้าจากท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพงไปยังท่าเรือตลาดเทวราช และชมการสาธิตการกลับลำเรือในพื้นที่จำกัด (360 องศา)บริเวณท่าเรือตลาดเทวราช


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มาเปิดเรือไฟฟ้า  ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะเรามีแผนแม่บทว่าปีไหนจะทำอะไรซึ่งเราต้องลดPM 2.5 ลงให้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่พวกเราต้องร่วมมือกันด้วย โดยเฉพาะรถยนต์ และวันข้างหน้าต้องเดินหน้าไปสู่รถไฟฟ้าใช้น้ำมัน ซึ่งเราต้องพร้อมผลิตเองหากน้ำเข้าอย่างเดียวแพงมาก โดยขณะนี้กำลังเตรียมโรงงงานการผลิตอยู่ วันนี้ความรู้สึกพอใจ สิ่งที่คิดมาแล้วเกิดเป็นรูปธรรม ขอบคุณ กทม. กระทรวงคมนาคม กรมเจ้าท่า และทุกหน่วยงานที่ดำเนินการให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา จากนี้จะต้องพัฒนาเหมือนกับรถไฟไฟฟ้า เพราะคนเพิ่มขึ้น เส้นทางเพิ่มขึ้น เราก็ต้องดูแลประชาชนให้ทั่วถึง  ขอความร่วมมืออะไรที่เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆช่วยกันแก้ ปัญหาใหญ่ๆก็ต้องช่วยกันแก้จะไปได้หมด และวันนี้มีตัวแทนคนพิการนั่งวีลแชร์ขึ้นเรือมาด้วย ดูแลคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง ไม่ใช่เฉพาะเรือ อย่างอื่นเราก็ต้องดูแล


ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เชื่อมโยงกันแบบไร้รอยต่ออย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพ ตามนโยบาย “ล้อ ราง เรือ” ซึ่งโครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม เป็นโครงการตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานครในการให้ความสำคัญกับการเดินทางด้วยเรือในคลองต่างๆ โดยมุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นเส้นทางสีเขียวด้วยการนำเรือที่ใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้ามาให้บริการแทนเรือเครื่องยนต์ดีเซลเดินเรือด้วยเสียงที่เบา และปลอดฝุ่นควันทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สำหรับเรือที่จะให้บริการเพิ่มเติมในเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษมเป็นเรือใช้พลังงาน​ไฟฟ้า 100% ใช้วัสดุไฟเบอร์กลาสในการผลิต รวมจำนวน 7 ลำ แต่ละลำจะมีหลังคาที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ 12 แผง​ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับระบบไฟส่องสว่างในเรือและสำรองไว้เป็นพลังงานขับเคลื่อน ทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ได้ตลอดจนมีการออกแบบที่นั่งและทางเดินในเรือให้สะดวกสบายขึ้น มีลายกันลื่นตลอดพื้นเรือเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร​ รองรับผู้โดยสารได้ 30 ที่นั่ง/ลำ รวมถึงผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ได้ 1 คัน ความเร็วสูงสุดในการเดินเรืออยู่ที่ 10-15 กม./ชม. เรือสามารถกลับลำได้ 360 องศา เพื่อลดปัญหาการกลับลำเรือในคลอง ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้ง สามารถให้บริการได้นาน 4 ชั่วโมง​ และมีระบบจีพีเอสติดตามตำแหน่งเรือ และกล้องวงจรปิด โดยมีศูนย์ควบคุมติดตามตรวจสอบตลอดช่วงเวลาที่ให้บริการประชาชนตลอดเส้นทาง 5 กิโลเมตร 11 ท่าเรือ ประกอบด้วย 1.ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง 2.ท่าเรือหัวลำโพง 3.ท่าเรือนพวงศ์ 4.ท่าเรือยศเส 5.ท่าเรือกระทรวงพลังงาน 6.ท่าเรือแยกหลานหลวง 7.ท่าเรือนครสวรรค์ 8.ท่าเรือราชดำเนินนอก 9.ท่าเรือประชาธิปไตย 10.ท่าเรือเทเวศร์ และ11.ท่าเรือตลาดเทวราช ครอบคลุม 4 พื้นที่เขต ได้แก่ เขตพระนคร เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตปทุมวัน


ทั้งนี้ เรือโดยสารคลองผดุงกรุงเกษม ให้บริการเดินเรือทุกวัน วันละ 39 เที่ยว เรือออกทุก 15 นาที ตั้งแต่เวลา 06.00 - 19.00 น. ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินเรือตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยขณะนี้ยังให้บริการฟรี ไม่เก็บค่าโดยสาร เป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราไม่เกิน 10 บาท ตลอดสาย โดยโครงการนี้กทม.มอบหมายให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือเคที เป็นผู้ดำเนินโครงการเดินเรือ และดูแลระบบการบริหารจัดการเดินเรือให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ร่วมกับกรมเจ้าท่าในการฝึกอบรมบุคลากรประจำเรือให้มีความพร้อมทุกด้าน​ เพื่อให้ผู้ใช้บริการเรือไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษมเดินทางได้อย่างปลอดภัยสูงสุด