การะบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ เต็มไปด้วยความเงียบเหงา หลายคนงดเดินทางพบปะสังสรรค์กับญาติพี่น้องต่างเมือง หรือต่างรัฐ เนื่องจากหวั่นไวรัสโควิด
ชาวอเมริกันร่วมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ที่ทำให้ธรรมเนียมหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป โดยทุกปีก่อนหน้านี้ ชาวอเมริกัน จะมารวมตัวกันตามบ้านญาติพี่น้องเพื่อพบปะสังสรรค์ และร่วมรับประทานอาหารค่ำ แต่สถานการณ์ในปีนี้แตกต่างออกไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบเหงา ผู้คนจำนวนมากเลือกฉลองอย่างโดดเดี่ยวภายในบ้านของพวกเขาเอง งดเว้นการเดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องในต่างเมืองหรือต่างรัฐ หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ แนะนำว่าอย่าเดินทางในช่วงการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายคนไม่อยากเสี่ยง แต่ก็ยังคงมีชาวอเมริกันมากกว่าหกล้านคนที่ใช้บริการสนามบินต่าง ๆ ทั่วประเทศตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกกังวลครั้งใหญ่อีกครั้งว่าจะทำให้โควิดระบาดรุนแรงขึ้น
วันขอบคุณพระเจ้า เป็นวันที่คนอเมริกันรำลึกขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ที่ช่วยให้ผู้อพยพมาตั้งรกรากในอเมริกาชุดแรกรอดชีวิตมาได้เมื่อเกือบสี่ร้อยปีมาแล้ว ซึ่งสำหรับคนอเมริกันส่วนใหญ่ เมื่อพูดถึงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า นอกจากการรับประทานร่วมกับครอบครัวแล้ว ยังหมายถึงการชมอเมริกันฟุตบอลร่วมกัน และชมขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าที่นครนิวยอร์ก ซึ่งจัดขึ้นโดยห้างสรรพสินค้าเมซีย์ส (Macy's) เป็นประจำทุกปีตลอดช่วงเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นขบวนพาเหรดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
แต่ขบวนพาเหรดของห้างสรรพสินค้าเมซีย์สปีนี้ถูกจำกัดแค่เฉพาะการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์โดยที่ไม่มีผู้ชมหลายแสนคนเข้าร่วมชมสองข้างทางเหมือนปีก่อน ๆ เนื่องจากทั่วสหรัฐยังมีการระบาดของไวรัสโควิดอย่างรุนแรง ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนักหน่วงรุนแรงที่สุดในโลก ซึ่งจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ระบุว่า ขณะนี้มีคนอเมริกันติดเชื้อสะสมมากกว่า 12.8 ล้านคน เสียชีวิตแล้วกว่า 262,000 คน ขณะที่มีผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 89,000 คน มากที่สุดเป็นสถิติใหม่
ผลการสำรวจของศูนย์การแพทย์เวกซ์เนอร์ มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท ระบุว่า คนอเมริกันเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ มีแผนร่วมงานเลี้ยงที่มีผู้ร่วมงานมากกว่า 10 คนในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีนี้ และราว 33 เปอร์เซ็นต์ ไม่บังคับให้ผู้ร่วมงานสวมหน้ากากตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขอีกด้วย