"ดร.เจษฎา"ไขข้อข้องใจหลังฌาปนกิจพบ"อัฐิ"สีชมพู

2020-11-26 18:40:41

"ดร.เจษฎา"ไขข้อข้องใจหลังฌาปนกิจพบ"อัฐิ"สีชมพู

Advertisement

"ดร.เจษฎา" ไขข้อข้องใจหลังพิธีฌาปนกิจพบ "อัฐิ" สีชมพู ยันเกิดขึ้นได้ไม่ผิดธรรมชาติ


เมื่อวันที่ 26 พ.ย. จากกรณี เด็กชายณัฐภัทร นำตระกูลวัฒน์ หรือน้องไตเติ้ล อายุ 8 ปี 8 เดือน 18 วัน ซึ่งเป็นเด็กพิเศษตั้งแต่แรกเกิด เสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด อาการปอดบวม และอาการทางสมอง ทางครอบครัวจึงตั้งบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรม 3 คืน ก่อนประกอบพิธีฌาปนกิจ แต่ปรากฏเหตุอัศจรรย์หลังพบว่า อัฐิของน้องไตเติ้ล เป็นสีชมพู เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปชาวบ้านจึงมาขอดูอัฐิ ก่อนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา โดยเชื่อว่าเด็กบริสุทธิ์ และมีบุญ เถ้ากระดูกจึงเป็นสีชมพู และเชื่อว่าน่าจะให้โชคลาภ ครอบครัวควรเก็บรักษาไว้ให้ดี


เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ถึงที่มาของอัฐิเถ้าที่ถูกเผาแล้วเป็นสีชมพู ว่า สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยหากในกระดูกมีธาตุทองแดงก็จะเป็นสีชมพู หากมีสีเขียวแสดงว่ามีธาตุเหล็ก ส่วนที่มีสีเหลืองจะมาจากธาตุสังกะสีปะปนอยู่ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องการรับประทานยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หรือแม้แต่การขั้นตอนในการเผา หากใช้ไฟที่ไม่ร้อนมากพอก็อาจทำให้กระดูกไม่เป็นสีเทาดำ หรือบางทีชาวบ้านจะนิยมใส่ของลงไปในโลงศพ เช่น ใส่แก้ว แหวน เงินทอง ความร้อนที่ใช้ในการเผาก็จะหลอมเหลวสิ่งเหล่านี้เข้าไปปะปนกับกระดูกได้ ซึ่งทำให้หลายคนเกิดความเข้าใจผิด


ผศ.ดร.เจษฎา ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันเราใช้เตาเผาแบบสมัยใหม่ซึ่งมีความร้อนสูงมาก ผลที่ได้ คือ เถ้ากระดูกจะเป็นผงละเอียดเหมือนกันทุกคน แต่ถ้าหากเป็นการเผาแบบเชิงตะกอนในงานพิธีต่างๆ ลักษณะของกระดูกที่ถูกเผาจะไม่สมบูรณ์ จึงทำให้ให้เห็นสีของกระดูกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสัปเหร่อที่ประกอบอาชีพนี้ก็จะคุ้นเคยดี พร้อมยืนยันว่าการที่พบอัฐิสีชมพูนั้นเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก และมีการรายงานเป็นระยะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด