ตร.จ่อหมายจับ "การ์ดอาชีวะ" ยิงกันเองเพราะเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับม็อบ ยันไร้มือที่สาม
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีมีเหตุยิงการ์ดผู้ชุมนุมราษฎรที่บริเวณแยกรัชโยธิน หลังกลุ่มราษฎร ประกาศยุติการชุมนุมหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ช่วงค่ำวานนี้ ส่งผลให้ นายวันชัย อารีย์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันเทคนิคปทุมธานี และนายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค ได้รับบาดเจ็บ
โดย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า จากการสืบสวนและสอบปากคำพยาน 3-4 ปากซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ มีความชัดเจนว่าตำรวจจะขอศาลออกหมายจับนายภาสพงศ์ ผู้ใช้อาวุธปืนยิงก่อนถูกรุมทำร้ายร่างกายหลังก่อเหตุ เบื้องต้นเป็นความผิดฐานครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากมีหลักฐานทั้งก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุ โดยมีทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลชัดเจน ส่วนอาวุธปืนที่พบนั้นเป็นปืนลูกโม่ขนาด .38 เบื้องต้นพบว่ามีทะเบียน ขณะจี้กำลังตรวจสอบเรื่องการครอบครองและลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงคราบเขม่าควัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคนยิงกับคนเจ็บนั้น จากการสอบปากคำทราบว่า ทั้งคู่พ้นสภาพนักศึกษาอาชีวะทั้ง 2 สถาบันแล้วมาเป็นการ์ดของกลุ่มราษฎร มีปัญหามาจากเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังยุติการชุมนุม โดยฝ่ายหนึ่งเริ่มขว้างระเบิดปิงปองก่อนแล้วพากันวิ่งหลบหนี จนมีกลุ่มนึงไล่ตามแล้วคว้าอาวุธปืนมายิง
รอง ผบช.น. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามในเวลา 17.00 น.จะมีการแถลงข่าวพร้อมไล่ลำดับเหตุการณ์อีกครั้งที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่มีความกังวลเพราะยึดตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ และเรื่องนี้ไม่มีมือที่สาม ตอนนี้ยังไม่ได้สามารถสอบปากคำคนเจ็บทั้ง 2 รายได้ เพราะแพทย์ยังไม่อนุญาต ส่วนมาตรการป้องกันไม่ให้นำอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุมนั้น ตำรวจคงก็ต้องขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมด้วยการแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนตำรวจเองก็จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลประชาชนทุกฝ่ายที่ชุมนุม แต่คงไม่สามารถตั้งด่านตรวจค้นได้อย่างทั่วถึง ส่วนการหารือกับแกนนำกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นคงไม่มีโอกาส เพราะหลายคนมีคดีติดตัวอยู่