"วิโรจน์" เรียกร้องรัฐบาลปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมตามหลักสากล

2020-11-25 16:50:53

"วิโรจน์" เรียกร้องรัฐบาลปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมตามหลักสากล

Advertisement

"วิโรจน์" เรียกร้องรัฐบาลปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมตามหลักสากล ยุติใช้นิติสงคราม หยุดใช้ไอโอปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง 

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค  นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา  นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันเเละการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลเเละเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อผู้ชุมนุม

นายวิโรจน์ ระบุว่าเราต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าประชาชนมีสิทธิที่จะชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาล ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ไม่มีการชุมนุมครั้งใดที่ผู้ชุมนุมจงใจที่จะก่อความรุนแรงแต่แรก เว้นแต่ว่ารัฐได้สร้างเงื่อนไขยั่วยุให้เกิดความรุนแรง  ประเด็นแรก การสร้างเงื่อนไขการชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน เช่น การชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเข้าพื้นที่ได้ แถมได้รับการดูแลเรื่องรถสุขาอย่างดี ในขณะที่ผู้ชุมนุมอีกกกลุ่มหนึ่งกลับถูกจำกัดพื้นที่  ประเด็นที่สองคือการทำนิติสงครามกับผู้ชุมนุม บังคับใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติ มีการจับกุมตัวแทนของผู้ชุมนุม และยัดข้อหาร้ายแรงต่างๆ แถมกลั่นแกล้งด้วยการจับกุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ประเด็นที่ 3 การที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมก่อน ทั้งๆที่ผู้ชุมนุมไม่ได้ส่งสัญญาณหรือท่าที ที่จะก่อจลาจล แต่อย่างใด 

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 4 คือ การอ้างการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมิได้เข้าข่ายการก่อจลาจล รวมทั้งใช้เอาเหตุการณ์หนึ่งมาเหมรวมประชาชน เพื่อนำมาเป็นเหตุในการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง เกินสัดส่วนแบบเหมารวม และที่สำคัญมีการเกณฑ์ประชาชน และยั่วยุผ่านขบวนการไอโอ เพื่อให้เกิดการปะทะกันของประชาชน ในลักษณะม็อบชนม็อบ ซึ่งล้วนแต่เป็นความรุนแรงที่รัฐสรรค์สร้างขึ้นมาเองทั้งสิ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาล มักจะสร้างวาทกรรม เพื่อโยนบาป และใส่ความทุกอย่างไปที่ผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นเหยื่อ โดยที่รัฐไม่เคยรับผิดที่ตนเป็นผู้สร้างเงื่อนไขความรุนแรงขึ้นเอง หนำซ้ำยังกล่าวหาว่า “ถ้าไม่ออกมาชุมนุม ก็คงไม่เจอเจ้าหน้าที่ทำร้าย” ทั้งๆ ที่สิทธิการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิที่จะสร้างเงื่อนไข เพื่อเอามาเป็นเหตุในการป้ายสี และเข้าไปทำร้ายประชาชน รวมไปถึงการกล่าวหาว่า“ออกมาชุมนุมบ่อย ๆ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน” ทั้งๆ ที่รัฐควรจะตั้งคำถามกับตนเองว่า ประชาชนจะออกมาชุมนุมซ้ำทำไม ถ้ารัฐจัดหาพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเจรจาพูดคุยรับข้อเรียกร้องของประชาชนมาพิจารณา อย่างสมเหตุสมผล พอรัฐบาลไม่แยแส เเละคุกคามประชาชน

นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า  ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล บริหารจัดการสถานการณ์การชุมนุมให้เป็นไปตามหลักสากลอย่างแท้จริง ไม่ใช่หลักสากลที่รัฐบาลอ้าง แต่กลับถูกประณาม และตั้งคำถามจากเวทีนานาชาติ ยุติการใช้นิติสงคราม บังคับใช้กฎหมายกับประชาชนอย่างเลือกปฏิบัติ และไม่เป็นธรรม ยุติการสร้างเงื่อนไขยั่วยุ การใช้ขบวนการไอโอ ปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง รวมทั้งการเกณฑ์คนมาเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการปะทะแบบม็อบชนม็อบ เพื่อหาสาเหตุการใช้กฎหมายพิเศษเข้ามาจัดการกับประชาชน โดยไม่คำนึงถึงนิติรัฐ  สำหรับกลุ่มบุคคลที่กำลังคิดที่จะล้มล้างการปกครองด้วยการทำรัฐประหาร พรรคก้าวไกลยืนยันว่า หากรัฐประหารเกิดขึ้น จะเป็นการนำพาประเทศไปสู่ความวิบัติ นอกจากจะซ้ำเติมให้สังคมมีความบอบช้ำ และขัดแย้งกันแบบร้าวลึก ยังจะนำมาซึ่งการล่มสลายทางเศรษฐกิจ การลงทุนภายในประเทศจบสิ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความทุกข์ยากของประชาชน แบบทุกหย่อมหญ้าอีกด้วย และจะทำให้ประเทศไทยถูกขีดฆ่าออกจากเวทีโลก ในที่สุด ซึ่งเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่อาจที่จะยอมรับการทำรัฐประหารได้อีกแล้ว