"ช่อ" ถามศูนย์เฟกนิวส์ของรัฐมีเพื่อจัดการข่าวปลอม หรือผลประโยชน์ทางการเมือง
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้จัดงานอภิปรายโต๊ะกลมเรื่องบทบาทของสมาชิกรัฐสภาในการรับมือกับข้อมูลที่ผิดและการให้ข้อมูลเท็จในประเทศไทย
น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ซึ่งได้รับเชิญเข้าร่วมงานเสวนาด้วให้สัมภาษณ์ว่า มีความกังวลเรื่องการรับมือข่าวปลอมของรัฐ แม้ว่ารัฐบาลจะมีศูนย์เฟกนิวส์ หรือ Anti-Fake News Center Thailand แต่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจนว่าศูนย์ดังกล่าวไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติต่อการต่อต้านข่าวปลอมแต่อย่างใด ทั้งนี้รัฐบาลต้องไม่เป็นผู้สถาปนาความจริงเสียเอง หรือการทำให้ตัวเองเป็นกระทรวงความจริง (Ministry of Truth) เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2562 พรรคอนาคตใหม่ได้รวบรวมข้อมูลจากเพจข่าวปลอมทั้งหมดกว่าร้อยหน้าใส่เป็นแฟ้มมอบให้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่รัฐสภา เพื่อให้ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ของรัฐบาลดำเนินการ จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปีกับอีก 2 วันจนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปแล้วกลับพบว่าไม่มีการจัดการแต่อย่างใด สรุปแล้วการมีศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ของรัฐบาลเพื่อต้องการที่จะจัดการกับข่าวปลอมหรือเป็นเพียงการสถาปนาความจริงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเช่นใด
“ในประเทศไทยไม่ใช่แค่มีปัญหาเรื่องการมีข่าวที่ไม่จริงเท่านั้น แต่ประเด็นเรื่องข้อมูลข่าวสารที่สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นก็เป็นปัญหาที่สำคัญ โดยมีการผลิตซ้ำและสร้างความเกลียดชังกันอย่างเป็นระบบ มีการพยายามสร้างให้ประชาชนบางกลุ่มรู้สึกว่าสามารถใช้ความรุนแรงกับอดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ หรือแม้กระทั่งปัจจุบันเมื่อเป็นคณะก้าวหน้าแล้วก็ยังเจอกับปัญหาดังกล่าวอยู่ อาทิ คณะก้าวหน้าเดินทางไปไหนก็ถูกขัดขวางเสรีภาพในการเดินทางทั้งๆ ที่การทำเช่นนี้ผิดกฎหมายในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย รวมถึงการที่มีการขัดขวางการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งก็มีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นมีการลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน แต่ก็อย่าให้ประเทศไทยต้องกลับไปสู่วังวนแบบนั้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ประเทศไทยอีกเลย ที่มีการทำร้ายผู้ที่เห็นต่างกัน รัฐบาลต้องทำหน้าที่เพื่อไม่ให้เกิดขึ้น รวมทั้งสิ่งเหล่านี้ก็คือการบ้านของสมาชิกรัฐสภาที่ต้องช่วยกันส่งเสียงและผลักดันไม่ให้ประเทศไทยไปถึงจุดนั้น” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว