โลกมีลุ้นได้วัคซีนโควิด-19 อีกตัว ม.อ็อกซ์ฟอร์ด เผยผลทดสอบได้ประสิทธิภาพสูง

2020-11-24 07:25:31

โลกมีลุ้นได้วัคซีนโควิด-19 อีกตัว ม.อ็อกซ์ฟอร์ด เผยผลทดสอบได้ประสิทธิภาพสูง

Advertisement


แอสตราเซเนกา บริษัทยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าในการทดสอบวัคซีน ว่าได้ผลสูงในการป้องกันโควิดหลังทดสอบกับอาสาสมัครจำนวนมาก ถือเป็นวัคซีนตัวที่ 3 ที่มีการประกาศความสำเร็จ ต่อจากไฟเซอร์และโมเดอร์นาของสหรัฐ

แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในอังกฤษและบราซิล แสดงให้เห็นว่ามีอัตราความสำเร็จในระดับสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่มีอาการป่วยรุนแรงในบรรดาอาสาสมัครที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 20,000 คนในสหราชอาณาจักรและบราซิลแต่อย่างใด ซึ่งแถลงการณ์ของบริษัทแอสตราเซเนกา บอกว่าได้ทำการทดสอบวัคซีนสองชุด ชุดแรกได้ผล 90 เปอร์เซ็นต์ และชุดที่สองได้ผลเฉลี่ย 70 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีการเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม ก่อนที่จะขอการรับรองเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เพื่อให้เกิดกระบบวนการเร่งรัดวัคซีนสำหรับประเทศรายได้ต่ำต่อไป



ศาสตราจารย์แอนดรูว์ พอลลาร์ด หัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบของโครงการทดสอบวัคซีน มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด สถาบันการศึกษาชื่อดังของอังกฤษ แถลงว่า ผลการทดสอบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเรามีวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูง ซึ่งจะสามารถช่วยรักษาชีวิตคนจำนวนมากได้ นับเป็นก้าวหนึ่งที่ขยับเข้าใกล้เวลาที่จะสามารถใช้วัคซีนเพื่อหยุดยั้งไวรัสได้ เขาพอใจกับผลลัพธ์อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นหมายความว่า เราจะมีวัคซีนใช้ทั่วโลกแล้ว

ผลการศึกษาครั้งนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะ ซึ่งมีขึ้นหลังจากไฟเซอร์ และโมเดอร์นา สองบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศผลการทดสอบวัคซีนได้ผลถึง 95 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ วัคซีนของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มีความโดดเด่นมากกว่าในหลายเรื่อง ทั้งง่ายต่อการใช้, สามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้ นอกจากนี้ ยังจะมีราคาถูกกว่า และจะสามารถหาซื้อได้ตามร้านยาทั่วทุกมุมโลกง่ายกว่า แตกต่างจากวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ที่ต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นกว่า โดยวัคซีนของไฟเซอร์ต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้เพียง 5 วัน และวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา ต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้ 1 เดือน เพราะฉะนั้น วัคซีนของอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีบทบาทสำคัญในการจัดการการระบาดของไวรัส หากผ่านการอนุญาตให้ใช้ได้



เมื่อเทียบราคากันแล้ว วัคซีนของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3 ปอนด์ หรือประมาณ 121 บาท ถูกกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งอยู่ที่ 15 ปอนด์ หรือประมาณ 606 บาท หรือโมเดอร์นา 25 ปอนด์ หรือประมาณ 1,011 บาท และที่สำคัญเทคโนโลยีของอ็อกซ์ฟอร์ด ก็ได้รับการยอมรับมากกว่าด้วย เพราะฉะนั้นวัคซีนของอ็อกซ์ฟอร์ดง่ายกว่าในการผลิตจำนวนมากในราคาที่ถูก และบริษัทแอสตราเซเนกาเอง ก็ให้คำมั่นแล้วว่าจะไม่ผลิตจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร

รัฐบาลสหราชอาณาจักร สั่งซื้อวัคซีนต้านโควิด ที่พัฒนาโดยอ็อกซ์ฟอร์ด ล่วงหน้าแล้ว 100 ล้านโดส และบริษัทแอสตราเซเนกา แถลงว่า จะผลิต 3,000 ล้านโดสสำหรับทั่วโลกในปีหน้า ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ แถลงที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ดาวนิ่ง สตรีท ในช่วงเย็นวันจันทร์ ว่า มันเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ และว่า ขณะที่มีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอยู่ นี้คือผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม หวังว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการวัคซีนในสหราชอาณาจักร อาจสามารถได้รับวัคซีนเข็มแรกในช่วงเทศกาลอีสเตอร์เดือนหน้านี้

ส่วนแอนดรูว์ พอลลาร์ด ผู้อำนวยการ อ็อกซ์ฟอร์ด วัคซีน กรุ๊ป และหัวหน้าผู้ตรวจสอบการทดลองวัคซีนโควิด กล่าวกับรอยเตอร์ว่า มันเป็นวันที่น่าตื่นเต้นมาก และยกย่องชื่นชมอาสาสมัคร 20,000 คนทั่วโลกที่เข้าร่วมทดลองวัคซีน ซึ่งรวมทั้งกว่า 10,000 คนในสหราชอาณาจักร เขากล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการกระจายวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้การให้บริการด้านสาธารณสุขกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ วัคซีนทั้ง 3 ตัวที่ประกาศไปแล้ว จนถึงขณะนี้ ล้วนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 และหยุดยั้งจำนวนผู้ป่วยที่ส่งเข้าโรงพยาบาล

ทั้งนี้ วัคซีนของอ็อกซ์ฟอร์ด ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนกา เป็นวัคซีนตัวที่ 3 ที่แสดงให้เห็นว่า มีประสิทธิภาพสูง ต่อจากไฟเซอร์และโมเดอร์นา ที่ประกาศไปก่อนหน้า พอลลาร์ด กล่าวว่า มันเป็นความรู้สึกได้ถึงช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงที่เรามีวัคซีนพร้อมกันหลายตัวในขณะนี้ หากสามารถแจกจ่ายได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราก็จะได้รับผลยิ่งใหญ่



วัคซีนต้านโควิด-19 ได้รับการพัฒนาประมาณ 10 เดือน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ปกติแล้วต้องใช้เวลานานนับสิบปี

สำหรับในสหราชอาณาจักร ขณะนี้ มีวัคซีนของอ็อกซ์ฟอร์ดอยู่แล้ว 4 ล้านโดสพร้อมใช้งาน ขณะที่อีก 96 ล้านโดสยังอยู่ระหว่างการผลิตและขนส่ง แต่จะยังไม่มีการนำไปใช้จนกว่าวัคซีนจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งจะประเมินความปลอดภัย, ประสิทธิผลของวัคซีนและรวมทั้งการผลิตที่ได้มาตรฐานสูง กระบวนการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า ใครจะรับวัคซีนตัวนี้ หรือวัคซีนชนิดอื่น ๆ ที่รัฐบาลสั่งซื้อ

กลุ่มที่จะได้รับวัคซีนเป็นอันดับแรกคือ กลุ่มของผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา และเจ้าหน้าที่ ตามมาด้วยบุคลากรทางการแพทย์ และผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 85 ปีขึ้นไป ก่อนจะค่อย ๆ ไล่เรียงอายุลงไปตามลำดับ



สำหรับการทำงานของวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดนี้ จะทำมาจากไวรัสไข้หวัดทั่วไปที่อ่อนแอ โดยได้นำเชื้อนี้มาจากลิงชิมแปนซีไปดัดแปลง จากนั้นจะนำยีนที่ได้มาจากปุ่มโปรตีนของเชื้อไวรัสโคโรนาไปใส่ในไวรัสไข้หวัดที่อ่อนแอและไม่เป็นอันตรายต่อคน เมื่อวัคซีนถูกนำไปฉีดให้กับคนไข้จะมีการสร้างปุ่มโปรตีนไวรัสโคโรนาขึ้นในเซลล์ เป็นการกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้น และกระตุ้นในที-เซลล์ เมื่อคนไข้ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาเข้าสู่ร่างกาย ภูมิคุ้มกันและทีเซลล์ก็จะถูกกระตุ้นให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ ส่วนวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และบริษัทโมเดอร์นา เรียกว่าวัคซีนอาร์เอ็นเอ ซึ่งผลิตจากชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เมื่อถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของผู้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ โดยปัจจุบันยังไม่เคยมีวัคซีนอาร์เอ็นเอที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในคนมาก่อน แต่เคยมีการศึกษาวิจัยและพัฒนาวัคซีนด้วยวิธีนี้ และเคยทดลองทางคลินิกเพื่อใช้ป้องกันโรคอื่นๆ มาแล้ว