“วิรัช” อุบนั่งประธาน กมธ.แก้ รธน. ให้รอผลประชุม 24 พ.ย.

2020-11-23 16:40:45

“วิรัช” อุบนั่งประธาน กมธ.แก้ รธน. ให้รอผลประชุม 24 พ.ย.

Advertisement

“วิรัช” อุบนั่งประธาน กมธ.แก้ รธน. ให้รอดูผลประชุม 24 พ.ย. 

เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการประชุม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) ครั้งแรกในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.ซึ่งจะเป็นการเลือกตำแหน่งต่างๆ ของ กมธ. เช่น ประธาน รองประธาน เลขานุการ โฆษกและตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะเป็นการร่วมกันพิจารณา3 ฝ่าย ระหว่าง ส.ส. ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา ซึ่งถือว่าเป็นกรรมาธิการที่มีความเข้มข้นคณะหนึ่ง ส่วนกรอบเวลาการพิจารณาและวันประชุมจะเป็นวันใดบ้างก็ต้องไปหารือร่วมกันอีกครั้ง

นายวิรัช กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อให้เป็นประธาน กมธ. ว่า  ก็ต้องรอดูการประชุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันคือกว่าจะมาถึงวันนี้ ถ้าหากวันนั้นไม่มีการตั้ง กมธ.ชุดก่อนรับหลักการ ก็จะไม่มีการลงมติในวันที่ 17-18 พ.ย.63 เพราะญัตติก็จะตกตั้งแต่วันที่ 23-24 ก.ย.ที่ผ่านมา ตรงนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อได้นำรัฐธรรมนูญมาใช้แล้วก็พบจุดบกพร่อง จึงต้องมีการแก้ไข ทั้งนี้ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จะดูแลและแก้ไขเฉพาะในส่วนของการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)โดยการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจะใช้ร่างของรัฐบาลเป็นหลัก ยืนยันว่าจะไม่แก้ไขหมวด 1 และ หมวด 2

เมื่อถามว่า ผู้ชุมนุมมองว่าคนที่แก้รัฐธรรมนูญเป็นคู่ขัดแย้งของผู้ชุมนุม นายวิรัช กล่าวว่า ตนมองว่าอย่าเพิ่งติเรือทั้งโกลนขอให้รอดูการทำงาน ส่วนการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายใน 45 วัน ตามกรอบระยะเวลาหรือไม่นั้น จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีขั้นตอนก่อนจะผ่านเข้าสู่วาระที่ 2 และ วาระ 3 ต่อไป ซึ่ง กมธ.ไม่สามารถทำงานนอกเหนือจากที่สภาส่งมาให้ได้

เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคเพื่อไทยจะขอให้มีคนนอกมาเป็นที่ปรึกษาใน กมธ.นั้น นายวิรัช กล่าวว่า จะต้องเป็นความเห็นพ้องของ กมธ.ทั้ง 45 คน จะเป็นความเห็นของคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้ ถ้าทั้ง 45 คน เห็นพ้องต้องกันก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้