"อัจฉริยะ"บุกแจ้งจับ"สมศักดิ์-ป.ป.ส."ปมแถลงข่าวเท็จ

2020-11-23 13:25:33

"อัจฉริยะ"บุกแจ้งจับ"สมศักดิ์-ป.ป.ส."ปมแถลงข่าวเท็จ

Advertisement

"อัจฉริยะ" บุก ปปป.แจ้งจับ "สมศักดิ์-เลขาฯ ป.ป.ส." ปมแถลงเท็จจับ "เคตามีน" ล็อตใหญ่


เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบ ร.ต.อ.รัชพล เทียมสะคู รอง สว.(สอบสวน) กก.2 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. พร้อมพวก ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยอ้างว่าร่วมกันแถลงข่าวอันเป็นเท็จซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ กรณีจับเคตามีนที่โกดัง จ.ฉะเชิงเทรา 11.5 ตัน มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท


โดย นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้นำหลักฐานเป็นคลิปการแถลงข่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ เพราะกระทรวงยุติธรรม และ ป.ป.ส.เป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบยาเสพติด โดยวันแถลงข่าวมีการเชิญนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมตรวจสอบ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับพบว่าผลตรวจเป็นสีม่วงถือว่าเป็นยาเสพติด แต่ภายหลังไม่กี่วันกลับมีการแถลงข่าวอีกครั้งว่าสารที่พบดังกล่าวไม่ใช่ยาเสพติด และผลการตรวจสอบเป็นสีขาว พร้อมให้เหตุผลว่า เป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต


ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา นายอภิชาติ ซึ่งเป็นชาวม้ง นำของกลางมาไว้ที่โกดัง จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นวันที่ 3 ก.ย. มีชิปปิ้งนำของกลางส่งไปทางท่าเรือคลองเตย และท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อส่งออกไปยังประเทศไต้หวัน กระทั่งวันที่ 26 ก.ย. ทางการไต้หวันจับกุมของกลางแล้วส่งหลักฐานมาให้เจ้าหน้าไทยดำเนินการ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ไทยไม่ได้ออกหมายจับ กลับขยายผลไปตรวจค้นและยึดของกลางมาแถลงข่าวเสียก่อนจึงทำให้เกิดความเสียหาย ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่ามีความผิดปกติในการเก็บของกลาง เพราะปกติจะต้องมีลายเซ็นกำกับไว้ในการเก็บของกลางเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้าย แต่ครั้งนี้ไม่มีการเซ็นกำกับ ที่ผ่านมามีการนำยาเสพติดส่งออกไปต่างประเทศหลายครั้ง โดยเฉพาะไต้หวันซึ่งประสานทางการไทยให้ดำเนินการ แต่ไทยไม่ทำอย่างจริงจัง