คลิปนี้มีน้ำตา !! "เขื่อน เคโอติก" ควงคุณแม่เปลือยหัวใจ "ยากมากไหมมีลูกเป็น LGBTQ+ ?"
การจะก้าวข้ามผ่านความกดดันที่ถาโถม จากสายตาผู้คนในสังคมเพื่อออกมาจากกรอบที่เคยถูกวางตัวเราเอาไว้นั้น ช่างเป็นเรื่องยากยิ่งเสียจริงๆ สำหรับการต้องบอกกับคนอื่นๆ ว่าเราเป็นอะไร ซึ่งผลกระทบที่สะท้อนกลับมาหาใช่เพียงตัวเราเองคนเดียว หากแต่ว่าคนในครอบครัวต่างต้องเปิดใจยอมรับ และเริ่มเรียนรู้ไปด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งบางทีก็มีหลายครอบครัวที่หาจุดตรงกลางไม่เจอ จนเผลอทำเอาหนึ่งชีวิตที่อยากเป็นตัวของตัวเองนั้น ต้องเกิดความผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวไป แต่สิ่งนี้มิได้เกิดขึ้นกับ "เขื่อน ภัทรดนัย เสตสุวรรณ" หรือ "เขื่อน เคโอติก" อดีตนักร้องผู้ก้าวผ่านเรื่องเพศสภาพมาอย่างสง่างาม และปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในเสียงที่เรียกร้องความเท่าเทียม เพื่อทุกคนที่มีความหลากหลายทางเพศได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง 
โดย "เขื่อน" ได้ทำคลิปจับคุณแม่มานั่งพูดคุยเพื่อไถถามความรู้สึกและมุมมอง ซึ่งเจ้าตัวจั่วหัวเอาไว้ว่า "มีลูกเป็น "เกย์" ยากไหม ?" พร้อมทั้งบรรยายเป้าหมายของคลิปดังกล่าวว่า "Vlog เปิดใจคุยกับคุณแม่เรื่องการที่มีลูกมาจาก LGBTQ+ community ยากไหม เป็นการเปิดใจคุยระหว่างแม่ลูก ซึ่งเขื่อนกับแม่ไม่ได้จะบอกทุกคนว่าควรทำยังไง แต่เขื่อนกับแม่ได้เล่าเรื่องจากประสบการณ์ส่วนตัว ก็อยากให้ทุกคนได้ดูและรู้ว่า หลายๆอย่างในชีวิตถ้าเราเลือกแล้วมันก็จะมีผลตามมา ซึ่งผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่ที่เราเลือกและยอมรับมัน"
ทั้งนี้ คุณแม่ได้เปิดใจถึงการทำความเข้าใจในตัวลูกชายที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหลักๆ คือการยอมรับในความสุขที่ลูกชายได้เป็นตัวเองในแบบที่เลือก พร้อมเล่าประสบการณ์ที่เจอมาหลังจาก "เขื่อน" เปิดตัวเป็น LGBTQ+ ที่งานนี้พิธีกรคนเก่งของเราเกิดอาการซาบซึ้งจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ โดยคุณแม่ได้ฝากถึงครอบครัวอื่นๆ ว่า ต้องผ่านอะไรบ้าง เพราะคุณแม่ได้เปิดใจเรียนรู้ และสนุกสนานกับมัน ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ในเมื่อลูกมีความสุข แม่ก็สุขด้วย อีกทั้งยังเอ่ยชื่นชมในความมุ่งมั่นของลูก สิ่งที่ลูกทำจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอีกมากมาย คุณแม่ภาคภูมิใจในตัวลูกมากใครมาพูดอะไรก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหา
"มีหลายครอบครัวมากที่บางคนเกิดความขัดแย้งในใจ ไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น แต่แม่ไม่มีปัญหานั้น แล้วพอยิ่งสื่อสารกันมากเท่าไหร่ ยิ่งค้นพบลงไปเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้ว่าการเปิดใจยอมรับมันเป็นกุญแจดอกสำคัญของทุกสิ่งเลย กลายเป็นว่าแค่เห็นคนที่เรารักมีความสุข ได้เห็นในสิ่งที่เขาอยากทำ เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นแค่นั้นเอง” 
สุดท้ายคุณแม่ได้บอกว่า ถ้าลูกเลือกทางเดินเพศ ที่ไม่ตรงเพศสภาพ ให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เขาเป็นหนึ่งบุคคล เป็นปัจเจกบุคคล นั่นคือลักษณะความเป็นไปของเขา ไม่ได้มีอะไรมาก เราก็ยังรักในความเป็นตัวตนของเขา
