ชาวอเมริกันเฮ ได้วัคซีนโควิดธันวาคมนี้

2020-11-23 05:55:22

ชาวอเมริกันเฮ ได้วัคซีนโควิดธันวาคมนี้

Advertisement


ชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 อาจเร็วที่สุดในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ โดยนายแพทย์มอนเซฟ สลาอุย หัวหน้าโครงการวัคซีนโควิดของสหรัฐ กล่าวกับซีเอ็นเอ็น ว่า ตามแผนการแล้ว จะมีการลำเลียงวัคซีไปยังสถานที่ฉีดให้ประชาชนภายใน 24 ชั่วโมงทันทีที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งถ้อยแถลงของเขามีขึ้นท่ามกลางการระบาดรุนแรง ผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทั่วประเทศ

จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ พบว่าจนถึงขณะนี้ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อโควิดแล้วมากกว่า 12 ล้านราย และเสียชีวิต 255,000 ราย สูงที่สุดในโลกทั้งในแง่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต



“ไฟเซอร์” บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ และไบโอเอนเท็ค (BioNTech) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมัน ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิด-19 เป็นการฉุกเฉินต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ (FDA) แล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งวัคซีน ต้องได้รับคนละสองโดส พบว่ามีประสิทธิภาพสามารถป้องกันโควิดได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์และจากการทดลองที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง โดยตั้งเป้าเริ่มแจกจ่ายวัคซีนภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังได้รับอนุญาต บริษัทไฟเซอร์ หวังว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 50 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนของเอฟดีเอ มีกำหนดประชุมกันในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือว่าจะอนุมัติวัคซีนโควิดหรือไม่ โดยวัคซีนมีกำหนดแจกจ่ายอิงตามพื้นฐานจำนวนประชากรของแต่ละรัฐ ซึ่งนายแพทย์ สลาอุย กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า แต่ละรัฐต้องรับผิดชอบสำหรับการตัดสินใจว่า ประชาชนกลุ่มใดจะได้รับวัคซีนก่อนหลัง พร้อมกับแนะนำว่า กลุ่มเสี่ยงที่สุดน่าจะได้รับความสำคัญอันดับแรก เช่นบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุ



เขากล่าวด้วยว่า สหรัฐอาจประสบความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะมีประชาชนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ได้รับวัคซีน

ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคระบุในเอกสารแถลงข่าวว่า ทั้งสองบริษัทกำลังทำเรื่องขออนุญาตแจกจ่ายวัคซีนในออสเตรเลีย แคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น และอังกฤษเช่นกัน และวางแผนยื่นเรื่องขออนุญาตจากองค์กรกำกับดูแลทั่วโลกโดยทันที

เจสเซ กู้ดแมน อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของเอฟดีเอ อธิบายว่า เอฟดีเอ กำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่จะอนุญาตให้ใช้ได้เป็นการฉุกเฉินว่า เพียงแค่ “อาจมีประสิทธิภาพ” ก็อาจได้รับการอนุญาตแล้ว โดยเอฟดีเอ จะประเมินจากข้อมูลที่มีว่าผลิตภัณฑ์นั้น มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงหรือไม่

ดร. แอนโทนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตนเข้าใจว่าประชาชนอาจกังวล เนื่องจากวัคซีนถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่มั่นใจว่าวัคซีนนี้จะปลอดภัย และการพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วไม่ได้แลกมาด้วยการหย่อนหย่านด้านความปลอดภัยของวัคซีน แต่ในทางกลับกัน กลับแสดงถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้พัฒนาวัคซีนได้ในเวลาไม่กี่เดือน อย่างไรก็ตาม ดร. เฟาชี่ เตือนว่า ประชาชนยังคงต้องป้องกันดูแลสุขภาพของตนเอง แม้ว่าอาจมีการแจกจ่ายวัคซีนในไม่ช้าก็ตาม



ทางด้านโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทยาสัญชาติอเมริกันที่เพิ่งประกาศความคืบหน้าโครงการของตนเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า ผลการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับวัคซีนของไฟเซอร์เช่นกัน โดยทางโมเดอร์นาวางแผนขออนุญาตใช้ยาเป็นการฉุกเฉินต่อเอฟดีเอ ภายในไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ด้วย