"ราเมศ" เผยเกษตรกรขอบคุณ “จุรินทร์” ลุยประกันรายได้สำเร็จและต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้กล่าวถึงการดำเนินการตามนโยบายของพรรคว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกรนับแต่วันที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีของพรรคได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราเข้าไปเพื่อตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้เร่งทำงานให้ประชาชนได้รับประโยชน์เร็วที่สุด และทำมาต่อเนื่องตลอดระยะเวลา นโยบายประกันรายได้ ที่พรรคให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชน ตั้งแต่ช่วงรณรงค์หาเสียง และได้บรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพราะพรรคเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อน ของราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ท่ามกลางสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งเสียงสะท้อนของเกษตรกรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ชื่นชมและขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และคณะ ที่ได้ร่วมกันผลักดันช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีหลักประกันในเรื่องรายได้ ที่สำคัญไม่ทำให้กลไกตลาดเกิดความเสียหาย และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ว่า เราทำได้ไว และทำได้จริง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรทุกคน
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้โครงการประกันรายได้เกษตรกรยังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องผู้ปลูกข้าวในปี 2563/64 รอบที่ 1 มีการจ่ายเงินงวดแรกวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ไปแล้วนั้นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแต่ละชนิดจะได้รับเงินส่วนต่าง มีรายละเอียดที่ชัดเจนคือ กรณีปลูกข้าวเปลือกหอมปทุมธานี จะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดถึง 26,674 บาท ข้าวเหนียวจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 33,349 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 36,670 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 34,199 บาท และข้าวหอมมะลิจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดถึง 40,756 บาท ต่อครัวเรือน และกรณีข้าวเปลือกหอมมะลิ ประกันรายได้ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 2,911 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ประกันรายได้ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 2,137 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 1,222 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ประกันรายได้ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 1,066 บาท ข้าวเหนียวประกันรายได้ตันละ 12,000 บาท ได้ส่วนต่างตันละ 2,084 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการแจ้งปลูกขึ้นทะเบียนและการจ่ายก็ไม่เกินจำนวนตันที่รัฐระบุไว้ และที่สำคัญ ยังมีเงินค่าพัฒนาคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ ก็จะได้รับครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 งวด งวดที่ 1 ได้รับ 500 บาท งวดต่อไป 500 บาท
นายราเมศ กล่าวต่อว่า นโยบายดังกล่าวจะขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ต้องถือว่าเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ที่มุ่งไปสู่ความสำเร็จคือความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรดีขึ้น