"จตุพร" ฟันธงรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้รับการแก้ไข แม้ผ่านวาระ 1 สุดท้ายต้องโดนฉีกโดยรัฐประหารเหมือนเดิม
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ให้สัมภาษณ์ถึงมติรัฐสภาโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับของไอลอว์ตกไปว่า การที่ทุกส่วนไม่ช่วยในการร่วมกันหาทางออก เท่ากับเป็นการผลักไสให้ผู้ชุมนุมมุ่งไปที่ข้อเรียกร้องที่ 3 เพียงข้อเดียว ทั้งที่ข้อ 1 และ 2 คือการพิจารณาตัวเองของนายกรัฐมนตรีและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะได้ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ ความจริงทุกคนต่างก็รู้ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ถ้ารัฐสภามีการรับร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่างแล้วค่อยไปว่ากันในส่วนของกรรมาธิการในวาระที่ 2 ซึ่งการเสนอกฎหมายที่ผ่านไปในวาระที่ 1 ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายจะต้องเป็นไปตามนั้นทั้งหมด ยังสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ และที่สำคัญที่สุดแม้ว่าจะยื่นใดๆไปก็ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 255 ยังสามารถควบคุมไว้อีก หมายความว่า การไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นจะกระทำไม่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า จากการชุมนุมดังกล่าว ตอนนี้เรากำลังมาพูดว่ากระสุนมาจากฝั่งไหน มาจากใครยิง หลังจากนี้ให้จำปากผมไว้เลยว่า พอเลือดมันเริ่มออกแล้วจะไหลไม่หยุด จนกว่าจะไหลนองเต็มท้องช้างแล้วจึงจะหยุด ประเด็นต่อมา คำวินิจฉัยคดีการพักอยู่บ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตนเชื่อว่าสังคมก็มีความหวังลึกๆว่านี่จะเป็นจุดคลี่คลายของสถานการณ์ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรตนก็ไม่ขอก้าวล่วง แต่เชื่อว่าการวินิจฉัยในวันที่ 2 ธ.ค.2563 ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตามจะนำไปสู่สถานการณ์ที่มีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเหมือนกันนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ผลลัพธ์ก็จะเป็นอีกอย่าง หรือไม่ให้พ้นจากตำแหน่งก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง
"ผมขอพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2560 จะไม่ได้รับการแก้ไขโดยเด็ดขาด เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเหมือนรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 และ 2550 ที่จะถูกฉีกทั้งที่สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่านี้ การให้มวลชนทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็จะเป็นเงื่อนไข เพราะฉะนั้นแบบของรัฐธรรมนูญถูกออกมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้มีไว้เพื่อให้สามารถแก้ไขได้ แต่มีไว้เพื่อส่งให้คณะรัฐประหารชุดใหม่เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง ต่างก็รู้ปลายทางว่ามันจะต้องจบเหมือนอย่างที่เคยจบ เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในขณะนี้มันเปราะบาง แต่ก็อ่านกันได้ว่าทั้งรัฐบาลและรัฐสภา ต่างไม่ช่วยกันเป็นด่านหน้าเพื่อปกป้องสถาบัน ถ้าทั้งสองส่วนนี้ได้ช่วยกัน ตนเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งตอนนี้พิสูจน์ชัดว่าต่างฝ่าย ต่างเอาตัวรอด ตนตั้งข้อกล่าวหากันไว้เลย เพราะฉะนั้นตนเชื่อว่าอย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้ว่าจะผ่านวาระที่ 1 แต่จะไม่มีวันสำเร็จ แล้วท้ายที่สุด จะจบลงด้วยการถูกฉีก เหมือนเช่นเดิมที่ผ่านมา"นายจตุพร กล่าว