อช.แก่งกระจานแก้ปัญหาคนกับช้างป่าอยู่ร่วมกัน

2020-11-18 17:15:01

อช.แก่งกระจานแก้ปัญหาคนกับช้างป่าอยู่ร่วมกัน

Advertisement

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแก้ปัญหาคนกับช้างป่าอยู่ร่วมกัน 


เมื่อวันที่ 18 พ.ย.  ที่ศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างป่าแก่งกระจาน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์  ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี พร้อมด้วยนายไพโรจน์ นาครักษา ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมในการประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “แนวทางการอนุรักษ์ช้างป่าและการจัดการปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าแก่งกระจานครั้งที่ 11” ซึ่งจัดโดยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกับ สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย มี นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบคีรีขันธ์  หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ตชด.ค่ายนเรศวร ตชด.ที่ 144-145 ฝ่ายปกครอง อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรีและ อ.หัวหินกว่า 300 คนเข้าร่วมประชุม 


นายพิชัย กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่ากลายเป็นปัญหาสำคัญต่อการอนุรักษ์ช้างป่าในปัจจุบัน เนื่องจากจำนวนประชากรมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น การขยายตัวของชุมชนเมืองอย่างต่อเนื่อง เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของช้างป่า ทำให้ถิ่นที่อยู่ของช้างป่ามีพื้นที่ลดลงจากป่าผืนขนาดใหญ่เกิดเป็นหย่อมป่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้คนกับช้างป่าต้องใช้พื้นที่ร่วมกันจนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาความขัดแย้งและมีความรุนแรงมากขึ้นทุกในขณะ สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและพื้นที่ใกล้เคียง รูปแบบของความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างที่พบบ่อยที่สุด คือปัญหาช้างป่าออกมากินและทำลายพืชผลทางการเกษตร เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เกิดปัญหารายได้ลดลงจากพืชผลทางการเกษตรที่เสียหาย จนทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อช้างป่า ดังที่มีรายงานช้างป่าถูกทำร้ายบาดเจ็บและเสียชีวิต


นายพิชัย  กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประมาณการได้ว่าช้างป่ากว่า 180 ตัวอาศัยรวมกันอยู่ในพื้นที่ราว 220 ตารางกิโลเมตรทางตอนล่างของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งนับได้ว่ามีความหนาแน่นค่อนข้างสูง ช้างป่าดังกล่าวจึงต้องออกมาหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์อยู่เป็นประจำ บางครั้งอาจพบเจอมากถึง 80 ตัวในคราวเดียว สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตรตลอดจนส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมาช่วงเวลากลางคืน จากการติดตามเก็บข้อมูลความเสียหายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2547 จำนวนเหตุการณ์ที่ช้างเข้ากินและทำลายพืชผลทางการเกษตรรวมถึงมูลค่าความเสียหายในพื้นที่รอบเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ จากจำนวนเหตุการณ์ 414 เหตุการณ์ ในปี พ.ศ. 2548 ลดลงเหลือ 70 เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2562 และล่าสุดจำนวนเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2563 (เดือนมกราคม-กันยายน) มีจำนวนเหตุการณ์เพียง 30 เหตุการณ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึง ปี พ.ศ. 2562 มีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรวมอย่างน้อย 524 ราย จาก 6 ตำบล 2 อำเภอได้แก่อ.แก่งกระจาน และอ.หัวหิน มูลค่าความเสียหายขั้นต่ำรวมไม่น้อยกว่า 20,750,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 1,383,500 บาทต่อปี


นายพิชัย กล่าวด้วยว่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย ในฐานะผู้สนับสนุนทางด้านเทคนิคให้แก่ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้พัฒนาเทคนิคการสำรวจและติดตามสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ มีการสร้างแนวรั้วกั้นช้างป่าและติดกล้องเตือนภัยล่วงหน้า สร้างแหล่งอาหารแหล่งน้ำให้สัตว์ป่า พร้อมทั้งประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา หน่วยงานเอกชนและชุมชนผู้เกี่ยวข้องประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดการปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าแก่งกระจานอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 52 และในปีนี้เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน ติดตามสถานการณ์และหาแนวทางบรรเทาปัญหาอย่างมีส่วนร่วมดังเช่นที่ผ่านมา เพื่อเป็นเวทีกลางที่ทุกภาคส่วนได้นำเสนอสถานการณ์ของปัญหาและความก้าวหน้าของกิจกรรมการบรรเทาปัญหาในปัจจุบัน และได้มีกิจกรรมทาสีรั้วกั้นช้างเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชุมชน องค์กรภาครัฐ เครือข่ายในการทำงานอนุรักษ์ช้างป่าและแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากช้างป่า และหน่วยงานอิสระอื่นๆ รวมทั้งสร้างความเข้าใจและกำหนดแนวทางในการอนุรักษ์ช้างป่าอย่างถูกต้องเพื่อร่วมกันในการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป