“เทพไท”หนุนต่ออายุโครงการคนละครึ่ง ชี้แก้ปัญหาได้ถูกจุด
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีที่นายดนุชา พิชญนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจสังคมไตรมาส 3 ปี 2563 มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงและต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ได้แก่ หนี้ครัวเรือนของไทย ที่ตัวเลขล่าสุดไตรมาส 2 ปี 2563 มีมูลหนี้ 13.6 ล้านล้านบาท หรือ 83.8 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี นั้น นับว่าเป็นตัวเลขที่สูง และหนี้ครัวเรือนยังมีเเนวโน้มสูงขึ้น พุ่งเเตะ 88-90 เปอร์เซ็นต์ ในสิ้นปีนี้ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเข้ามาควบคุมดูแลการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด การที่ระดับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นสวนทางเศรษฐกิจไทยที่หดตัว ซึ่งจะมาพร้อมกับฐานะทางการเงินของประชาชน และครัวเรือนที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านรายได้และเสี่ยงตกงาน ในช่วงวิกฤตโควิด-19ที่ยังแพร่ระบาดอยู่ เพราะการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน เป็นเรื่องที่มีการจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะเป็นความเปาะบางของระบบเศรษฐกิจไทย ถ้ารัฐบาลปล่อยให้หนี้ครัวเรือนของคนไทยมีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อยากให้รัฐบาลได้หามาตรการช่วยเหลือ ลดหนี้ครัวเรือนของคนไทยลงไปให้ต่ำมากที่สุด ก็จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ส่วนโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ถือว่าเป็นโครงการที่แก้ปัญหาการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุดมากที่สุด จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ สอบถามความเห็นจากพี่น้องประชาชน พบว่าโครงการนี้ได้รับความนิยม และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้สิทธิ์จ่ายคนละครึ่ง กับกลุ่มแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล เพราะเป็นการส่งเสริมการขายทำให้ยอดขายของกลุ่มแม่ค้ารายย่อย ทำให้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น นับว่าเป็นโครงการที่กระจายรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรากหญ้า ได้มีโอกาสเข้าถึง โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลอย่างถ้วนหน้า จึงสนับสนุนให้รัฐบาลได้ขยายโครงการคนละครึ่งต่อไปอีก เพราะเป็นโครงการที่เข้าถึงเป้าหมายได้มากที่สุดในบรรดาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา