สหรัฐอ่วมติดโควิดทะลุ 11 ล้าน ดับเกือบ 2.5 แสน ส่วนทั่วโลกติด 54 ล้าน

2020-11-16 09:20:49

สหรัฐอ่วมติดโควิดทะลุ 11 ล้าน ดับเกือบ 2.5 แสน ส่วนทั่วโลกติด 54 ล้าน

Advertisement


ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในสหรัฐ พุ่งผ่าน 11 ล้านรายแล้วในวันอาทิตย์ นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่น่าสะพรึงอีกครั้ง จากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ ขณะที่การระบาดของโควิดระลอกที่ 3 รุนแรงขึ้นทั่วประเทศ โดยข้อมูลของรอยเตอร์ พบว่า การระบาดในสหรัฐก้าวกระโดดรวดเร็ว ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกกว่า 1 ล้านรายในช่วง 8 วันก่อน จากเดิมอยู่ที่ 10 ล้านราย ทำให้เป็นการระบาดรวดเร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด เมื่อเทียบกันแล้ว สหรัฐใช้เวลา 10 วัน เพิ่มจาก 9 ล้านราย เป็น 10 ล้านราย และ 16 วันเพิ่มจาก 8 ล้านราย เป็น 9 ล้านราย

สหรัฐ เป็นประเทศที่มีการระบาดของไวรัสโควิดรุนแรงที่สุด ผ่านหลัก 10 ล้านรายเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีรายงานว่า ติดเชื้อรายวันกว่า 100,000 ราย ติดต่อกัน 11 วัน



เฉลี่ยในช่วง 7 วันล่าสุด พบว่า สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 144,000 ราย และเสียชีวิตรายวัน 1,120 ราย สูงที่สุดมากกว่าทุกประเทศในโลก

ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสเพิ่มเป็นมากกว่า 54 ล้านคน ณ วันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ ตามข้อมูลของมหาวิยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ โดยมีสหรัฐฯ อินเดีย และบราซิล ยังคงเป็นสามประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อแล้ว 11 ล้านคน เสียชีวิตแล้ว 246,000 คน ขณะที่อินเดียและบราซิลมีผู้ติดเชื้อ 8.8 ล้านคน และ 5.8 ล้านคน ตามลำดับ



เมื่อวันศุกร์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ ทะยานขึ้นไปเกินกว่า 181,000 คนในหนึ่งวัน ซึ่งสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับเกือบ 160,000 คนในวันเสาร์ โดยเมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกแถลงถึงความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ภายใต้โครงการพัฒนาวัคซีน Operation Warp Speed ของรัฐบาลสหรัฐฯ และคาดว่าวัคซีนจะถึงมือชาวอเมริกันภายในเดือนเมษายนปีหน้า

รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวที่ทำเนียบขาวด้วยว่า จะไม่มีการล็อคดาวน์รอบใหม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็ตาม

ส่วนที่ยุโรป หลายประเทศกำลังเผชิญกับอัตราการเพิ่มขึ้นรอบใหม่ของผู้ติดเชื้อ และมีการนำมาตรการล็อคดาวน์รอบใหม่มาใช้ รวมทั้งที่อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และล่าสุด โปแลนด์