โพลชี้ ปชช.ชู"วัดพระแก้ว-สถาบัน"คือ"หัวใจราษฎร"

2020-11-14 11:50:22

โพลชี้ ปชช.ชู"วัดพระแก้ว-สถาบัน"คือ"หัวใจราษฎร"

Advertisement

"ซูเปอร์โพล" เผย ปชช. ชู "วัดพระแก้ว-สถาบัน" คือ "หัวใจราษฎร" แนะ 3 แนวทางแก้วิกฤต


เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง หัวใจ ราษฎร กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,746 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-13 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง และสถาบันพระมหากษัตริย์ คือหัวใจและความรักของราษฎร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.7 ระบุ วัดพระแก้วคือหัวใจและความรักของราษฎร ร้อยละ 97.2 ระบุ พระบรมมหาราชวังคือหัวใจและความรักของราษฎร ร้อยละ 97.0 ระบุสถาบันพระมหากษัตริย์คือหัวใจและความรักของราษฎร นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.6 ระบุ คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ปกป้องรักษา มรดกสมบัติชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.4 ระบุ คนที่พยายามบุกรุกสถานที่หัวใจและความรักของ ราษฎร คือ ผู้หวังทำลายสมบัติชาติที่รักษาสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของคนไทย


ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มเยาวชนและกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.5 ของกลุ่มเยาวชนมีอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 98.2 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนมีอายุ 25 ปีขึ้นไประบุว่า วัดพระแก้ว คือ หัวใจและความรักของราษฎร นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 97.6 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุว่า พระบรมมหาราชวัง คือ หัวใจและความรักของราษฎร ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.3 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 97.0 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุว่า สถาบันฯ คือ หัวใจและความรักของราษฎร ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.8 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 97.0 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุว่า คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ปกป้องรักษามรดกสมบัติชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.3 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 91.8 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุว่า คนที่พยายามบุกรุกสถานที่หัวใจและความรักของราษฎร คือ ผู้หวังทำลายสมบัติชาติที่รักษาสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของคนไทย


อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และกลุ่มคนเลือกพรรคอื่นๆ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 86.9 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.6 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุว่า วัดพระแก้ว คือ หัวใจและความรักของราษฎร นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.0 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.1 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุว่า พระบรมมหาราชวัง คือ หัวใจและความรักของราษฎร และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.1 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุว่า พระมหากษัตริย์ คือ หัวใจและความรักของราษฎร ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.0 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.5 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุว่า คนไทยทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษามรดกสมบัติชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.2 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.5 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุว่า คนที่พยายามบุกรุกสถานที่หัวใจและความรักของราษฎร คือ ผู้หวังทำลายสมบัติชาติที่รักษาสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของคนไทย


ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า อย่ามองราษฎรทุกคนแบบเหมารวมหรือยกเข่ง (Stereotype) และอย่าฮึกเหิมเกินความสมดุล เพราะในจังหวะนี้อารมณ์ของสาธารณชนเปราะบางอย่างยิ่ง ควรบริหารจัดการอารมณ์ของประชาชนอย่างระมัดระวัง เพราะจะเห็นได้ว่าเยาวชนส่วนใหญ่และแม้แต่กลุ่มคนที่จะเลือกพรรคก้าวไกลส่วนใหญ่ยังถือว่า วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง และสถาบันกษัตริย์ คือ หัวใจและความรักของราษฎร ดังนั้นถ้าฝ่ายแกนนำม็อบกระทำการกระทบกระเทือนหัวใจและความรักของราษฎร จะทำให้ฝ่ายอำนาจรัฐ (State Power) อาจปฏิบัติการบางอย่างที่เกินความสมดุล โดยทางออกมีอย่างน้อย 3 ประการได้แก่

- ประการแรก ใครอยากร่วมชุมนุม ก็เข้าร่วมเป็นสีสันและพลังแห่งประชาธิปไตย แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งจะปลอดภัยและจะไม่เกิดความรุนแรงบานปลาย เช่น ม็อบต่อต้านผลประโยชน์ทับซ้อน ม็อบต่อต้านโกงเงินบริจาคให้เหยื่อโควิด-19 ม็อบปฏิรูปการศึกษา และม็อบเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายให้กลุ่ม LGBTQ เป็นต้น ม็อบเหล่านี้จะเป็นม็อบมีพลังหนุนกระตุ้นให้เกิดสิ่งดีๆ ในประเทศ ไม่ทำคนในชาติแตกแยก

- ประการที่สอง จัดทำระบบฐานข้อมูลอย่างละเอียดเครือข่าย (Profiling) ของขบวนการต่างๆ ด้วยเครื่องมือขั้นสุทธิ (Net Assessment) ทุกจังหวัด ลงถึงระดับตำบล ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเกาะติดการเคลื่อนไหว ความต้องการ และเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงของประเทศในเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก

- ประการที่สาม หันหน้าเข้าหารือปรึกษากันด้วย "สัมมาทิฏฐิ" หาทางออกให้กับประเทศร่วมกันด้วยสันติวิธี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่คุกคามผู้อื่น ไม่ใส่ร้ายหรือจัดทัวร์ลงถล่มผู้อื่นด้วยอคติ และความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง หรือ ที่เรียกว่า "มิจฉาทิฏฐิ" อันจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย และเสี่ยงต่อการทำลายเผาบ้านของตนเอง สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนซ้ำเติมวิกฤตให้กับราษฎรสามัญชนทั่วไปทั้งประเทศ