ไบเดน เขี่ยทรัมป์พ้นทำเนียบขาว ด้วยคะแนน 306 ต่อ 232

2020-11-14 08:50:20

ไบเดน เขี่ยทรัมป์พ้นทำเนียบขาว ด้วยคะแนน 306 ต่อ 232

Advertisement


โจ ไบเดน จะชนะในรัฐจอร์เจีย เก็บคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งอีก 16 เสียง จากการคาดการณ์ของซีเอ็นเอ็นในวันศุกร์ กระเทาะหัวใจฐานเสียงของพรรครีพับลิกันในรอบเกือบ 30 ปี โดยอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ กลายเป็นผู้สมัครของพรรคเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐจอร์เจีย ตั้งแต่บิล คลินตันเคยทำได้ในปี พ.ศ.2535 ส่วนทรัมป์ได้รัฐนอร์ทแคโรไลนา ทำให้คะแนนสุดท้ายเมื่อประกาศครบทุกรัฐ 538 เสียง ไบเดนจะได้ไป 306 เสียง และทรัมป์ได้ 232 เสียง

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ใกล้ปิดเกมการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว เมื่อมีข่าวดี ใกล้คว้าชัยได้อีกใน 2 รัฐ โดยในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจีย แถลงว่า การนับคะแนนใหม่ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งปัจจุบันนี้ นายไบเดนมีคะแนนนำห่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันอยู่ 14,000 คะแนน หรือคิดเป็น 0.3 เปอร์เซ็นต์ จะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า และนายไบเดน มีแนวโน้มว่าเขาจะคว้าชัยในรัฐนี้ หลังได้รับการคาดหมายว่าจะชนะในรัฐแอริโซนาในวันเดียวกัน ซึ่งมีคะแนนนำทรัมป์อยู่ 11,000 คะแนนจากการรายงานของสื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ ทิ้งห่างทรัมป์ไปไกลมากขึ้น พร้อมกับดับความหวังทรัมป์ที่จะพลิกผลการเลือกตั้งผ่านความท้าทายทางกฎหมายและการนับคะแนนใหม่



กาเบรียล สเตอร์ลิ่ง ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการด้านการเลือกตั้งของรัฐ ปฏิเสธคำแนะนำที่ว่า การนับคะแนนใหม่ดำเนินการตามแรงกดดันของทรัมป์ และบอกว่าไม่มีสัญญาณการโกงในการนับคะแนนในรัฐนี้

สำนักวิจัยเอดิสัน (Edison Research) ยังคาดการณ์ด้วยว่า รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิอีกหนึ่งรัฐที่มีความสำคัญชี้ขาดผลการเลือกตั้ง จะเป็นของทรัมป์ ส่วนคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งสุดท้ายแล้ว ไบเดนจะได้ 306 เสียง และทรัมป์ได้ 232 เสียง ครบ 538 เสียง ส่งผลให้ไบเดนได้คะแนนเสียงเกิน 270 เสียง คว้าชัยตามเป้าหมายสู่ทำเนียบขาว



คะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง 306 เสียงที่นายไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้ในครั้งนี้ เท่ากับคะแนนที่ทรัมป์ชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งปี พ.ศ.2559 ซึ่งครั้งนั้นทรัมป์เรียกว่าเป็นชัยชนะถล่มทลาย อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ทรัมป์ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เจ้าหน้าที่ทีมงานของนายไบเดน ย้ำว่า พวกเขากำลังเดินหน้าความพยายามในการถ่ายโอนอำนาจต่อไป

แม้ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไม่ได้ตัดสินชี้ขาดกันด้วยคะแนนของประชาชนทั่วประเทศ หรือ popular vote แต่นายไบเดนก็มีคะแนนนำมากกว่า 5.3 ล้านคะแนน หรือ 3.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคิดเป็น 50.8 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าคะแนนของโรนัลด์ เรแกน เล็กน้อยในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2523 เมื่อเขาเอาชนะนายจิมมี คาร์เตอร์

ทรัมป์ อ้างโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่า เขาถูกโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางและปฏิเสธยอมรับผลเลือกตั้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งของแต่ละรัฐ รายงานว่าไม่มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งรุนแรง และการยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายของทรัมป์ในหลายรัฐก็ล้มเหลวเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อชัยชนะอยู่ในตำแหน่งสมัยที่ 2 ทรัมป์จะต้องเอาชนะนายไบเดนให้ได้ในอย่างน้อย 3 รัฐ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะทำได้เช่นนั้น ซึ่งกำหนดการต่อจากนี้ รัฐทั้งหลายทั่วสหรัฐฯ มีกำหนดต้องจัดการนับคะแนนใหม่ หรือจัดการสะสางคดีความ เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 ธันวาคม และคณะผู้แทนการเลือกตั้งรัฐ มีกำหนดร่วมประชุมในวันที่ 14 ธันวาคม เพื่อเลือกประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ

ทีมกฎหมายของนายไบเดนในจอร์เจีย กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า พวกเขาไม่คาดว่าการคะแนนใหม่ด้วยมือในรัฐนี้จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งได้ ส่วนศาลในรัฐมิชิแกน ก็ปฏิเสธคำร้องของกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ขอให้ระงับการรับรองผลการเลือกตั้งในเมืองดีทรอยต์ ที่นายไบเดนชนะและทนายของทีมหาเสียงของทรัมป์ ก็ยื่นฟ้องคดีในรัฐแอริโซนาด้วย หลังการนับคะแนนเกิดข้อสงสัย