"หมอ" แนะ "8 กลุ่มเสี่ยง" สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรอง "โรคเบาหวาน" ฟรี วันที่ 14 พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นพ.อดิศร มนูสาร อายุรแพทย์แผนกโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า จากสถิติของสมาคมโรคเบาหวาน พบว่า ปี 2562 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากถึง 4.8 ล้านคน หรือเกือบเท่าคนกรุงเทพมหานคร ทั้งจังหวัด โดยโรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังของร่างกายที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่วนสาเหตุเกิดจากการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนลดลง และภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ความสามารถดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ของร่างกายลดลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสะสมปริมาณมาก ทำให้อวัยวะต่างๆ เสื่อม จนภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ตามองไม่ชัด ไตวายเรื้อรัง เท้าเป็นแผล โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต สุดท้ายอาจนำไปสู่การตัดอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย
นพ.อดิศร กล่าวอีกว่า อาการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ส่วนใหญ่จะกระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย และปัสสาวะปริมาณมาก ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ขณะที่บางรายรับประทานมากแต่น้ำหนักลด มีแผลเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ตาพร่าลาย เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน บางรายถึงขั้นไตวายและเสียชีวิต โดยผู้ป่วยในระยะแรกมักไม่มีอาการจึงไม่ไปพบแพทย์ ทำให้เสียโอกาสในการรักษา ดังจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ได้แก่ 1.อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป 2.มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน 3.ผู้ที่มีภาวะอ้วน 4.ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง 5.ผู้หญิงที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือน้ำหนักบุตรแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม 6.ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย 7. ผู้ที่ดื่มสุรา และ 8.ผู้ที่สูบบุหรี่
นพ.อดิศร กล่าวเพิ่มเติม ว่า การตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวาน สามารถตรวจได้จากเลือดโดยไม่ต้องงดอาหาร ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงแต่ไม่มีอาการ สามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจเลือดโดยงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยหากตรวจพบได้ในระยะแรก จะช่วยให้การรักษาได้ผลดี ทั้งนี้ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคเบาหวานให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงคนปกติ นั่นคือการรักษาแบบใช้ยา ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ยารับประทาน และยาฉีด ปัจจุบันยารักษาโรคเบาหวานมีผลข้างเคียงน้อย และสะดวกในการใช้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้เลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนการรักษาแบบไม่ใช้ยา คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คุมอาหาร และออกกำลังกาย ส่วนแนวทางการป้องกันให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน คือ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น วุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง แอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี่ กล้วยน้ำว้า และรับประทานน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน รวมทั้งการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 - 5 ครั้ง ซึ่งจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี
นพ.อดิศร กล่าวทิ้งท้ายว่า รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ขอเชิญชวนร่วมงาน “เบาหวาน อยู่อย่างไรให้มีความสุข” โดยภายในงานจะมีเเพทย์มาให้ความรู้เพื่อสร้างสุขภาพเพื่อการดูแลตนเอง ลดการกินยา ห่างไกลโรคเบาหวานความดันโลหิตสูง และเบาหวานจะทำให้ดวงตามืดสนิทจริงหรือไม่ ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ เวลา 08.00-12.00 น. ณ ลานกิจกรรมผู้ป่วยนอก ชั้น G ผู้ที่สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าจะได้รับบริการตรวจคัดกรองโดยไม่มีค่าใช่จ่าย ทั้งการตรวจภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และการเจาะน้ำตาลเพื่อคัดกรองเบาหวานเบื้องต้น โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานกิจกรรมเบาหวานได้ที่ https://bit.ly/2IntZBU หรือสำรองที่นั่งได้ที่ 091 009 9026 หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาได้ที่ Call Center 02-080-5999 หรือ LINE : @psuv