สั่งปิดชั้นอนุบาลยกชั้นหลังพบติดเชื้อไวรัส RSV นับสิบ ด้านสาธารณสุขอ่างทองเร่งควบคุมโรค เผยผู้ปกครองอย่าตกใจไม่ใช่โรครุนแรง
วันที่ 11 พ.ย. ที่ จ.อ่างทองครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งเร่งใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดอุปกรณ์การเรียนการสอนภายในห้องเรียนขั้นอนุบาลทั้ง 3 ระดับชั้น หลังมีรายงานว่า พบเด็กนักเรียนป่วยมีไข้สูงหลายราย และผู้ปกครองนำไปตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลพบว่ามีการติดเชื้อโรคไวรัส RSV ทางโรงเรียนจึงสั่งปิดการเรียนการสอนในชั้นอนุบาลทุกระดับชั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดและเร่งทำความสะอาดเพื่อเป็นการฆ่าเชื้ออย่างเร่งด่วน
ด้าน ผอ.โรงเรียนเปิดเผยว่า เบื้องต้นที่ทราบมีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ติดเชื้อไวรัส RSV และต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลจำนวน 2 ราย ส่วนอีก 7 รายพักผ่อนอยู่กับผู้ปกครองที่บ้านและเดินทางไปพบแพทย์ตามนัด ส่วนอีก 1 รายรอผลการตรวจอยู่ โดยหลังทราบเรื่องทางโรงเรียนได้เร่งดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคทันทีด้วยการสั่งปิดชั้นอนุบาลทั้ง 3 ระดับชั้น ซึ่งอยู่ในช่วงที่จะปิดเทอมพอดีและทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในบริเวณอาคารเรียนทันทีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยมาตรการของโรงเรียนในการควบคุมโรคในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงวิด-19 ก็ทำกันอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว จากการสอบถามเด็กที่ป่วยและนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทราบว่าได้เดินทางไปหลายสถานที่ก่อนจะกลับมาและมีอาการป่วย จึงคาดว่าน่าจะติดเชื้อไวรัสมาจากที่อื่น
ขณะที่ น.ส.วันเพ็ญ ช้างเชื้อ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องทางสาธารณสุขจังหวัดอ่างทองได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงสอบสวนโรคในพื้นที่ว่ามีจำนวนเด็กป่วยมากน้อยแค่ไหนและมีอาการเป็นอย่างไร และประสานเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดในโรงเรียนจุดที่เด็กต้องสัมผัส ซึ่งพอดีอยู่ในช่วงที่จะปิดเทอมพอดีทำให้การควบคุมโรคสามารถทำได้ง่าย
อย่างไรก็ตามอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบว่า จริงๆ แล้วโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีอาการทั่วๆไปคล้ายโรคไข้หวัด การป้องกันที่ดีก็คือการกินร้อนช้อนกลางล้างมือบ่อยๆรวมถึงใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งอาการของโรคจะรุนแรงในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี หรือเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงของโรคได้ แต่ถ้าเด็กที่มีร่างกายแข็งแรงปกติก็จะเหมือนไข้หวัดทั่วไป อยากฝากถึงผู้ปกครองว่าไม่ต้องตกใจ ขอให้ดูแลลูกหลานและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเพราะไวรัสนี้ยังไม่มียารักษา ร่างกายจะค่อยๆปรับจนหายได้เอง ซึ่งเมื่อมาพบแพทย์จะประเมินว่าสมควรที่จะแอดมิดในโรงพยาบาลหรือไม่ หรือจะให้กลับบ้านและวิเคราะห์อาการร่วมกันกับแพทย์ ขอให้อย่าตื่นตะหนก