“บิ๊กตู่” พ้อมีอำนาจก็เหมือนไม่มี ลั่นกลัวติดคุก บอกไม่ใช่ซูเปอร์แมนทำทุกอย่างได้ทั้งหมด
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและปาฐกถา ในงานสัมมนา “ภาคธุรกิจไทยในวิถียั่งยืน” จัดโดยมูลนิธิปิดทองหลังพระ ร่วมกับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ มติชนและเครือข่ายความร่วมมือจากหลายภาคส่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา ตอนหนึ่งว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ว่าอะไรคือความยั่งยืน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสามารถเดินหน้าพัฒนาในทุกระดับทุกกลุ่มของประชาชนที่อยู่ในประเทศว่าทำอย่างไรจะเกิดความยั่งยืนโดยไม่มีผลกระทบต่อสังคมสิ่งแวดล้อม เราไม่สามารถจะเดินหน้าประเทศไปด้วยรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ภาครัฐภาคเอกชนประชาชนทุกคนจะต้องหันมาปรึกษาหารือหาแนวทางที่เหมาะสมที่ถูกต้อง ร่วมปรึกษาหาแนวทางที่ดีที่สุดและนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวยกตัวอย่างความเหลื่อมล้ำในประเทศแม้ประเทศที่เป็นเสรีประชาธิปไตยก็ยังเกิดปัญหานี้อยู่เช่นกัน เราจะทำอย่างไรให้คนระดับล่างมีความเท่าเทียมและเข้มแข็งและไม่ให้เกิดการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน นั่นเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องหาวิธีการแก้ไข เราต้องมองสองอย่างคือมองวันนี้และอนาคตมองสิ่งที่ใกล้ตัวก่อนจะมองถึงสิ่งที่ไกลตัว ว่าจะทำอย่างไรจะให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสในการใช้ทรัพยากรของประเทศ ซึ่งรัฐบาลพยายามปรับแก้ในส่วนนี้มาพอสมควร เราต้องทำทุกอย่างให้เกิดสมดุลระหว่างคนจนคนรวยให้ได้ แม้จะมีอุปสรรคแต่หากมองในเรื่องโอกาสของประเทศไทยที่มีมากมายมหาศาล โดยเฉพาะประเทศเราเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียนเป็นจุดศูนย์กลางของมิตรประเทศ เราต้องไม่ทำลายจุดนี้ด้วยความไม่มีเสถียรภาพไม่มีความมั่นคงความปลอดภัย หากลืมส่วนนี้ทุกอย่างก็ไปหมดรักษาคงไว้ซึ่งรอยยิ้ม บริการ การท่องเที่ยวสิ่งเหล่านี้เราลืมไม่ได้และควรรักษาไว้ให้ได้เป็นหน้าที่ของทุกคนว่าจะรักษาไว้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องคำนึงถึงว่าตลาดโลกคือตลาดโลก การเจรจาทวิภาคีก็คุยกันตามข้อตกลงของรัฐบาลแต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีการมุ่งหวังต่างตอบแทนไม่ใช่หวังให้เขาซื้อเราอย่างเดียวแต่เราไม่ซื้ออะไรเขาเลย อย่าลืมว่าโลกใบเก่าไม่ใช่โลกที่เรารู้จักนี่คือโลกใบใหม่ จากที่ได้คุยกับฑูตทุกประเทศทุกคนพอใจและมีความสุขที่ได้อยู่ประเทศไทย ประเทศไทยเป็นลำดับแรกๆที่ฑูตหลายคนอยากมาประจำการอยู่ แม้ว่าจะมีคนพูดว่าไม่มีใครคุยกับตนแต่ตนก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจตนไม่ได้บอกว่าใครผิดหรือถูก จะทำอย่างไรให้คน 70 ล้านคน มีความสุขความสุขอย่างยั่งยืนความสุขอย่างพอเพียง การบริหารราชการแผ่นดินต้องคำนึงถึงประชาชนอยู่เสมอเพราะประชาชนเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลเน้นในการบริหารระบบราชการให้เป็นไปตามโลกปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีดิจิทัล การออกกฎหมายต่างๆก็ต้องให้ความสำคัญเพราะมีคนที่มีผลกระทบจากกฎหมายมีทั้งคนได้และเสีย กฎหมายต้องทำให้คนส่วนใหญ่ปฏิบัติได้ คนส่วนน้อยต้องหาทางแก้ปัญหาให้เขา การแก้ปัญหาต้องยึดมั่นในหลักการสำคัญว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรม สิ่งที่ทำวันนี้ต้องทำอย่างรอบคอบ ตนไม่ได้ห่วงตัวเอง ไม่ได้ห่วงฐานะอะไรทั้งสิ้นแต่ห่วงประเทศว่าจะอยู่ตรงไหน ตนมีอำนาจก็เหมือนไม่มีอำนาจ ตนไม่ได้ต้องการอำนาจแต่ต้องการความเข้าใจต้องการความร่วมมือ พร้อมกับกล่าวหยอกล้อสื่อมวลชนว่า ไปเขียนอะไรก็ระวังด้วย ไม่ใช่ระวังตน แต่ระวังประเทศชาติมีปัญหา
"ผมก็กลัวติดคุกเหมือนกัน ใครไม่กลัวบ้าง แต่บางคนก็ไม่กลัว เพราะกฎหมายเป็นส่วนสำคัญให้ทุกคนอยู่ในสังคมไม่มีใครไม่อยู่ใต้กฏหมายนั้นคือช่องทางของประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่คิดเอาเอง เอาเป็นแบบนั้นแบบนี้หากเป็นจริงก็แก้ไขให้ความเป็นธรรม อย่ามองทุกอย่างเป็นปัญหาทั้งหมดปัญหามีไว้ให้แก้ ประวัติศาสตร์มีไว้เป็นบทเรียน ที่ต่างประเทศไม่ทะเลาะกันเพราะเขาเคยเผชิญหน้ากันในเรื่องเหล่านี้มาแล้ว เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีกนั่นคือสิ่งที่เขาคิด แต่เราไม่เคยเจอแบบนั้น และหวังว่าไม่มีอยู่แล้ว เราจะรบกันด้วยความคิดรบกันด้วยโซเชียล ทุกอย่างทำงานด้วยคณะทำงาน ผมไม่ใช่ซูเปอร์แมนที่จะทำเองได้หมด"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลต้องดึงศักยภาพของประเทศมาใช้ทั้งหมดให้ได้ “รวมไทยสร้างชาติ” ไม่ใช่สร้างเฉพาะวันนี้แต่ต้องสร้างไปยาวๆ ใครจะอยู่ใครจะไปก็แล้วแต่ ต้องร่วมใจกันทุกรัฐบาล เราจะต้องรอดวันหน้าเราต้องเข้มแข็งกว่าเดิมอะไรที่ล้มแล้วลุกให้ไว เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพต้องกระตุ้นให้ชุมชนเห็นคุณค่าในท้องถิ่น ต่างประเทศเค้าก็ทำกันแบบนี้ หากเดินหน้าไปสู่เรื่องสมัยใหม่อย่างเดียวเสน่ห์จะหายไปทันที ต้องพัฒนาภูมิปัญญาร่วมกับชาวบ้านเพื่อให้เกิดรายได้ สร้างอาชีพเห็นภูมิใจปัญญาของท้องถิ่น you get what you play ถ้าไม่ทำอะไรก็ไม่ได้อะไรกลับมา ทุกอย่างต้องคิดให้รอบคอบ