โควิดคร่าชีวิตยุโรปเกิน 300,000 ราย ส่วนสหรัฐโรคจิตพุ่ง

2020-11-11 11:35:01

โควิดคร่าชีวิตยุโรปเกิน 300,000 ราย ส่วนสหรัฐโรคจิตพุ่ง

Advertisement


สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 รายใหม่ พุ่งสูงทำสถิติเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันในวันอังคาร จากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันก็เพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยหลายรัฐยังคงมีผู้ติดเชื้อสูงต่อเนื่อง ซึ่งทั่วประเทศจนถึงช่วงดึกวันอังคาร อยู่ที่อย่างน้อย 134,000 ราย ทำให้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐติดเชื้อไวรัสเฉลี่ยต่อวัน 120,000 รายทุกวัน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,450 ราย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เพิ่มขึ้นเกิน 1,400 รายตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโควิดที่ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ก็ยังพุ่งสูงต่อเนื่องอย่างรวดเร็วด้วย เพิ่มขึ้นเป็น 61,471 รายจนถึงดึกวันอังคาร สูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นระหว่างการระบาดของไวรัส



ด้านจิตแพทย์ กล่าวในวันจันทร์ว่า ผู้รอดชีวิตจากไวรัสโควิดจำนวนมาก ดูเหมือนจะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะพัฒนาไปเป็นผู้ป่วยโรคจิตประสาท หลังจากผลการศึกษาครั้งใหญ่ พบว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อโควิด ได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการป่วยทางจิตภายใน 90 วัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในยุโรปในวันอังคาร พบว่า ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วยุโรปแล้วมากกว่า 300,000 ราย และรัฐบาลต่าง ๆ ก็กลัวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อจะยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะยุโรปกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว แม้ว่าจะยังมีความหวังกับวัคซีนตัวใหม่ ที่จะเกิดขึ้น โดยยุโรป ซึ่งมีประชากรคิดเป็นเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะแล้วเกือบ 1 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ 1.2 ล้านราย และแม้แต่โรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างดี ก็กำลังพบกับความตึงเครียดอย่างหนักในขณะนี้



หลังจากประสบความสำเร็จในการใช้มาตรการควบคุมการระบาดด้วยการล็อคดาวน์ในช่วงต้นปีนี้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีก ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน และรัฐบาลต่าง ๆ สั่งให้ใช้มาตรการคุมเข้มรอบ 2 เพื่อจำกัดการติดต่อทางสังคม

ทั่วยุโรป มีผู้ติดเชื้อโควิดประมาณ 12.8 ล้านราย และเสียชีวิตแล้วประมาณ 300,114 ราย โดยในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 280,000 รายต่อวัน เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลก

อังกฤษ ซึ่งบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ครั้งใหม่ในประเทศ มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในยุโรป อยู่ที่ประมาณ 49,000 ราย และบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ก็เตือนว่า ด้วยอัตราเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อในปัจจุบัน มากกว่า 20,000 รายต่อวัน อังกฤษจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด คือมีผู้เสียชีวิต 80,000 ราย

ส่วนฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี และรัสเซีย ก็รายงานมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายต่อวันและเมื่อรวมกัน ทั้ง 5 ประเทศนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโควิดรวมกันเกือบ 3 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมดทั่วโลก



อิตาลีทำสถิติผู้ติดเชื้อโควิดขยับเข้าใกล้ 1 ล้านรายแล้ว ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 35,098 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 995,463 ราย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี ที่เปิดเผยในวันอังคาร ส่วนผู้เสียชีวินรายใหม่อยู่ที่ 580 ราย สูงสุดในวันเดียวตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ 42,330 ราย

ฝรั่งเศส ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดในยุโรป มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 48,700 รายต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกรุงปารีส แถลงสัปดาห์ที่แล้วว่า เตียงผู้ป่วยในห้องไอซียูมีผู้ป่วยโควิดยึดครองไปแล้ว 92 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ก็มีความหวังเพิ่มมากขึ้น เมื่อ “ไฟเซอร์” (Pfizer) บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีน มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่คาดว่าจะผลิตได้ก่อนปี 2564 และระบบสาธารณสุขจะต้องต่อสู้และเผชิญหน้ากับฤดูหนาวอีกหลายเดือนโดยที่ยังไม่มีตัวช่วยใด ๆ เช่นเดียวกับโรงพยาบาลในเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ ต้องส่งผู้ป่วยหนักบางคนไปรักษาในเยอรมนี