"แฟนพลทหาร"ผูกคอดับภายในคุกเชื่อมีเงื่อนงำ

2020-11-11 11:10:34

"แฟนพลทหาร"ผูกคอดับภายในคุกเชื่อมีเงื่อนงำ

Advertisement

"แฟนพลทหาร" ผูกคอดับเชื่อมีเงื่อนงำ ขณะที่ "ต้นสังกัด" ยันผลชันสูตรไร้ร่องรอยถูกทำร้าย


เมื่อวันที่ 11 พ.ย. จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ร้อยเอ็ด เข้าตรวจสอบ พลทหารพิชวัฒน์ เวียงนนท์ อยู่บ้านเลขที่ 4 ดงบังหมู่ที่ 4 ต.พระเจ้า อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ผูกคอตัวเองเสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำกองรักษาการณ์ ค่ายประเสริฐสงคราม ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นห้องคุมขัง โดยมีทหารเวรปะะจำการหลายนาย จากนั้นหน่วยกู้ภัยนำศพส่งพิสูจน์ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด โดยนายแพทย์บดินทร์ ผดุงสัตย์ ให้ข้อสันนิษฐานการตายเบื้องต้นว่าขาดอากาศจากรอยกดรัดที่บริเวณลำคอ วันเดียวกัน น.ส.ปภัสรา แย้มโกสุมภ์ อายุ 27 ปี แฟนสาวผู้เสียชีวิต พร้อมญาติกว่า 10 คน เดินทางไปยังโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อขอดูศพ และยังติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิตของแฟนหนุ่ม โดย น.ส.ปภัสรา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ผู้ตายหลบหนีออกจากค่ายแล้วไปหลบซ่อนอยู่ที่บ้านของปู่ในพื้นที่ ต.พระเจ้า อ.เชียงขวัญ โดยได้มีเจ้าหน้าที่ทหารติดตามไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้ตายกลับเข้าค่ายฯ จากนั้นผู้ตายกลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตนก็ไปส่งด้วย ต่อมาตนไปซื้อโทรศัพท์มือถือก่อนนำไปให้แฟน เพราะแฟนบ่นอยากได้ก่อนที่ตนจะมาทราบข่าวร้าย ตนและญาติเข้าไปไม่ทันดูศพในจุดเกิดเหตุ จึงไม่เชื่อว่าแฟนจะตัดสินใจคิดสั้น เนื่องจากเป็นคนกลัวตาย และเป็นคนเรียบร้อย ไม่น่าจะผูกคอตายตามที่เป็นข่าว


ด้าน นางหนูไกร บุญวิเศษ อายุ 44 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายป่วยเป็นโรคเหยื่อหุ้มปอดอักเสบ แต่ตนยังติดใจสาเหตุการเสียวิตของลูกชาย เพราะลูกชายเป็นคนมีนิสัยร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้ตายไม่มีเรื่องเครียดและรักลูกรักเมียคงไม่คิดที่จะฆ่าตัวตายแบบนี้ จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม เพราะตนไม่ได้เข้าไปดูศพที่จุดเกิดเหตุ จู่ๆ กลับส่งศพลูกไปที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด แล้วให้ญาติไปติดต่อรับศพ โดยตอนที่ตนไปดูศพพบว่าหูข้างขวามีรอยฟกช้ำ ซึ่งตนสงสัยว่าหากผูกคอตายทำไมหูจะต้องมีรอยฟกช้ำ จึงอยากให้ผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ถ้าหากลูกฆ่าตัวตายจริง ตนก็ยอมรับกับผลที่ออกมา


ต่อมา พล.ต.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 เปิดแถลงข่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ พลทหารพิชวัฒน์ ที่ห้องประชุม ค่ายประเสริฐสงคราม ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดย ชี้แจงต่อสื่อมวลชน ว่า มณฑลทหารบกที่ 27 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พลทหารพิชวัฒน์ เป็นอย่างยิ่งที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จากเหตุการณ์ดังกล่าว มณฑลทหารบกที่ 27 ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในทันที เพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคมโดยเร็ว และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา มณฑลทหารบกที่ 27 ให้ความสำคัญกับทหารกองประจำการและทหารชั้นผู้น้อยมาโดยตลอด มีการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ สิ่งอำนวยความสะดวก การศึกษา การฝึกวิชาชีพ รวมไปถึงการดูแลเรื่องสวัสดิการและสิทธิกำลังพลเป็นสำคัญ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาในมณฑลทหารบกที่ 27 ห้ามลงโทษกำลังพลที่กระทำผิดนอกเหนือจากหลักเกณฑ์หรือระเบียบที่กำหนด โดยให้ใช้หลักเมตตาธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน เพื่อเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของทหารควบคู่ไปกับการดำเนินการดังกล่าว


พล.ต.ธวัชชัย ชี้แจงอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะกรรมการ ทราบว่า พลทหารพิชวัฒน์ เข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการเมื่อวันที่ 1 พ.ค.62 สังกัด ร้อย.มทบ.27 จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งหน่วยต้นสังกัดได้ดูแลเป็นอย่างดีเสมือนคนในครอบครัว ครั้นเมื่อ พลทหารพิชวัฒน์ ได้รับอนุญาตให้ลาพักกลับบ้านตั้งแต่วันที่ 11-20 ต.ค.63 แต่เมื่อครบกำหนด พลทหารพิชวัฒน์ กลับไม่ยอมเข้าหน่วย ต้นสังกัดจึงติดตามตัว ซึ่งครอบครัวแจ้งให้ไปรับตัวจากภูมิลำเนาเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ซึ่งเมื่อรับตัวกลับมาจากบ้านแล้ว หน่วยต้นสังกัดได้ทำการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และทำการตรวจปัสสาวะเพื่อป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งผลการตรวจปัสสาวะเป็นบวก พลทหารพิชวัฒน์ จะต้องได้รับการลงทัณฑ์กักขังที่กองรักษาการณ์ 7 วัน และให้ทำงานสาธารณประโยชน์ด้านเกษตรกรรมภายในหน่วย และระหว่างทำงานสาธารณประโยชน์ พลทหารพิชวัฒน์ ได้หลบหนีจากหน่วยไปอีกครั้งในวันที่ 28 ต.ค. ทางหน่วยจึงออกติดตามตัว ซึ่งในวันที่ 5 พ.ย. ทางครอบครัวแจ้งให้ไปรับตัว พลทหารพิชวัฒน์ กลับเข้าหน่วย โดยมีภรรยาของ พลทหารพิชวัฒน์ ร่วมเดินทางมาในรถยนต์คันเดียวกัน ก่อนส่งตัว พลทหารพิชวัฒน์ เข้าหน่วยในเวลาประมาณ 21.00 น. ก่อนนำไปขังไว้ที่กองรักษาการณ์ ตามระเบียบที่กำหนดไว้เช่นเดิม




พล.ต.ธวัชชัย ชี้แจงเพิ่มเติม ว่า กระทั้งเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกองรักษาการณ์พบ พลทหารพิชวัฒน์ เสียชีวิตในห้องน้ำตามที่เป็นข่าว หลังจากนั้นมณฑลทหารบกที่ 27 ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด, เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง, อัยการจังหวัดร้อยเอ็ด และนายแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ร่วมชันสูตรพลิกศพ ก่อนแจ้งญาติให้เดินทางมาร่วมดูศพ ณ ที่เกิดเหตุ ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นพบว่า พลทหารพิชวัฒน์ เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ และไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายหรือประทุษกรรมแต่อย่างใด ต่อมาญาติได้ไปดูศพที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เจ้าพนักงานสอบสวน, ผู้บังคับกองร้อยมณฑลทหารบกที่ 27 และแพทย์ จึงให้ญาติตรวจสภาพศพ พร้อมทั้งชี้แจงให้ทราบถึงรายละเอียดผลการชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ แต่ทราบว่าทนายของญาติพลทหารพิชวัฒน์ ต้องการให้ชันสูตรพลิกศพใหม่ ณ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ทางหน่วยจึงมอบหมายให้ผู้บังคับกองร้อยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของมณฑลทหารบกที่ 27 ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อดูแลช่วยเหลืออำนวยความสะดวกและดูแลค่าใช้จ่ายจำนวน 10,000 บาท


พล.ต.ธวัชชัย ชี้แจงอีกว่า ผลการผ่าชันสูตรพลิกศพจากคณะแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ปรากฏว่า เป็นการเสียชีวิตตามที่แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลร้อยเอ็ด และคณะได้ลงความเห็นตามบันทึกรายละเอียดแห่งการชันสูตรพลิกศพ และไม่มีเหตุผิดปกติอื่นใดทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้คณะแพทย์ได้ทำการตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจหาสารเสพติดและสารพิษเพื่อยืนยันการเสียชีวิตอีกครั้ง ซึ่งเป็นการสิ้นสุดกระบวนการตรวจชันสูตรพลิกศพ โดยญาติขอเก็บศพไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อรอผลตรวจที่เป็นทางการ จึงจะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ร้อยเอ็ดต่อไป ทั้งนี้มณฑลทหารบกที่ 27 ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกทุกเรื่องอย่างเต็มขีดความสามารถรวมทั้งดูแลในเรื่องสิทธิต่างๆ ที่ พลทหารพิชวัฒน์ จะต้องได้รับ รวมทั้งการจัดงานฌาปนกิจศพอย่างสมเกียรติของทหารให้ดีที่สุด พร้อมยืนยันว่า หากคณะกรรมการตรวจสอบพบผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นปลดออก และต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายด้วย


อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร จะลงพื้นที่ขอดูคุกทหารร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมทำพิธีเชิญดวงวิญญาณและร่วมพิธีรดน้ำศพพลทหารพิชวัฒน์ นอกจากนี้ยังพบว่ามี พลทหารเกณฑ์เสียชีวิตในคุกทหารมาร้องเรียนเพิ่มเติมอีก 1 ราย