WDT ชี้"กู้ภัย"งานเข้าส่อถูกแจ้งความทารุณกรรม"เจ้าสัว"

2020-11-10 13:55:03

WDT ชี้"กู้ภัย"งานเข้าส่อถูกแจ้งความทารุณกรรม"เจ้าสัว"

Advertisement

"WDT" ชี้ "กู้ภัย" จับ "เจ้าสัว" ไปปล่อยแล้วตาย เข้าข่ายเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่โดยน้ำมือมนุษย์


เมื่อวันที่ 10 พ.ย. จากกรณีแมวพันธุ์อเมริกันช็อตแฮร์ ชื่อ "เจ้าสัว" หลุดออกไปจากบ้านที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะเจ้าของเดินทางไปต่างจังหวัด ก่อนที่เพื่อนบ้านมาพบเจอจึงแจ้งกู้ภัยให้มาจับแมว โดยอ้างว่ากลัวถูกแมวทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงจับแมวใส่กระสอบแล้วนำไปปล่อยที่ป่าข้างทาง เมื่อเจ้าของกลับมาถึงจึงออกตามหา สุดท้ายไปพบว่า "เจ้าสัว" นอนตายอยู่ใกล้กับจุดที่กู้ภัยนำไปปล่อย เกี่ยวกับเรื่องนี้ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT โพสต์ข้อความระบุว่า เดิมที่เมื่อ WDT รับทราบเรื่องราวสุดสลดนี้ ก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่กู้ภัยทำหน้าที่ตามปกติตามการร้องเรียนของประชาชน บวกกับการอ้างว่าไม่ได้นำแมวไปปล่อยป่า แต่ปล่อยไว้ห่างจากหมู่บ้าน 300 เมตร การแจ้งความกล่าวหาของเจ้าของต่อกู้ภัยจึงคิดว่าไม่น่าจะมีความผิด เพราะไม่ใช่เจตนาทารุณกรรมสัตว์ แต่หลังจากเปิดเผยข้อเท็จจริง ได้เห็นสถานที่ที่นำแมวไปปล่อย วิธีการจับแมวใส่กระสอบ และการใช้วิจารณญาณในฐานะอาสาสมัครกู้ภัยที่ควรจะได้รับการอบรมวิธีการและแนวทางการช่วยเหลือทั้งคนและสัตว์ เรื่องก็เลยพลิก


WDT ระบุอีกว่า ที่มันเข้าทารุณกรรมสัตว์ก็เพราะการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่เดิมของสัตว์โดยน้ำมือมนุษย์ คือ นำสัตว์ไปปล่อยในสถานที่ที่ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมาแมวจรหรือหมาแมวมีเจ้าของก็ผิดทั้งนั้น ไม่มีข้อยกเว้นว่าประชาชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐหรือเอกชนไม่รู้กฏหมาย และแล้วในที่สุดชะตากรรมของสัตว์ที่ถูกนำไปปล่อยทิ้งในสถานที่ที่ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์ที่เหมาะสมก็เป็นเช่นทุกชีวิตที่เคยเป็นมา คือ ตาย เสียงกรีดร้องของเจ้าของที่สุดแสนเจ็บปวดทรมาน พาให้หัวใจทุกดวงของคนรักสัตว์เจ็บปวดสะเทือนใจตามไปด้วย WDT ให้เจ้าของที่แจ้งเรื่องร้องเรียนขอคำปรึกษาการดำเนินการนำร่างไร้ชีวิตที่อ่อนปวกเปียก เนื้อตัวเปียกปอนเต็มไปด้วยโคลน นำส่งแช่แข็งที่โรงพยาบาลสัตว์กรุงศรีฯ รอผลการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี หลังเจ้าของเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะอิน อยุธยา ส่วนเรื่องใครผิดถูกใครทำอะไรอย่างไรสมควรหรือไม่สมควรทำ WDT เชื่อว่าสังคมที่ได้รับทราบเรื่องราวนี้ได้ใช้วิจารณญาณกันอย่างเต็มที่แล้วในเวลานี้


อ่านความในใจจากเจ้าของครับ เหตุการณ์เกิดวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ครอบครัวเราได้เดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดที่สระบุรีเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตจึงไม่สามารถดูน้องผ่านกล้องได้เหมือนปกติที่เคยดู เราออกจากที่พักเวลาประมาณ 14:00 น.พอออกจากที่พักบีมก็เปิดกล้องดูน้องตามปกติ ปรากฏว่าไม่เห็นน้องเจ้าสัวอยู่ในกล้อง จึงย้อนดูกล้องตั้งแต่เช้าจึงได้รู้ว่าน้องเจ้าสัวไม่ได้อยู่ในกล้อง จึงรบกวนพี่บ้านข้างๆ ให้ไปดูหน้าบ้านให้หน่อยว่าหน้าต่างเปิดออกไหม ซึ่งน้องอายุ 2 ขวบพฤติกรรมไม่เคยออกจากบ้าน ไม่เคยเปิดหน้าต่างได้เลย ปรากฏว่าวันนั้นหน้าต่างเปิดออกจริงๆ ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีแมวมาก่อกวนเจ้าสัว เพราะตอนนี้น้องเจ้านางลักษณะเป็นสัตว์ แต่เจ้าสัวเป็นตัวผู้และน้องเจ้าสัวทำหมันตอนแล้ว ด้วยความที่อาจจะอยากรู้หรือดลใจให้หน้าต่างเปิดออกอันนี้บีมไม่ทราบ น้องจึงหลุดออกจากบ้านไป พี่ข้างบ้านแจ้งว่าบ้านข้างๆ ได้แจ้งอาสาสมัครของอำเภอบางปะอินมาจับเจ้าสัว ไปในเวลาประมาณ 15.00 น พี่ข้างบ้านจึงออกไปตามหาให้แล้ว พบแต่ถุงปุ๋ยอยู่ในสถานที่ที่เขานำไปปล่อย คนที่แจ้งจับน้องพูดว่า น้องมีพฤติกรรมแค่ขู่ ไม่ได้กัด หรือทำร้าย ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของเจ้าสัวเวลาที่กลัว ตกใจและตื่นคนแปลกหน้า เขาบอกว่ากู้ภัยนำถุงกระสอบมา 1 ถุงแล้วจับเจ้าสัวยัดใส่กระสอบ อาสามารถยนต์ 1 คันมอเตอร์ไซค์ 1 คัน ซึ่งมาทราบทีหลังว่ารถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ไปกับรถยนต์ ซึ่งรถยนต์ที่ขับ ผู้ขับคือผู้ที่นำแมวไปปล่อยที่ป่าข้างทาง


บีมขับรถมาถึงบ้านก็รีบตามหาน้อง ปรากฏว่าไม่พบน้อง บีมจึงโทรแจ้งหน่วยอาสา ทางหน่วยรับเรื่องแล้วพูดปฏิเสธบอกว่าไม่ว่างมาช่วยเหลือ บีมจึงพูดกลับไปประมาณว่าน้องไม่รู้หรอว่าแมวมีเจ้าของ ลักษณะแบบนี้น้องทำไมไม่เก็บเขาไว้ตามหาเจ้าของ ทางศูนย์อาสาสมัครจึงพูดขึ้นมาว่าเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าแมวมีเจ้าของหรือไม่มีเจ้าของ เขาบอกว่าแมวบีมเป็นแมวจร เพราะทางบ้านที่แจ้งบอกว่าแมวไม่มีเจ้าของ หลังจากนั้นบีมแฟนและเพื่อนกลุ่มบีมจึงได้ออกตามหาน้อง




อีกประมาณ 3 ชั่วโมงจนถึงมืดก็ไม่พบตัว บีมจึงได้โทรตามอาสาที่เขานำแมวมาปล่อยให้เขาช่วยมาชี้จุดให้หน่อย เขาพูดแค่เขาสามารถช่วยชี้จุดได้แต่เขาไม่สามารถช่วยตามหาได้ ตอนนั้นบีม โมโหมากเลยโพสต์ขึ้นหน้า facebook แท็กชื่อมูลนิธิพุทไธสวรรย์บางปะอิน เรื่องราวเลยเกิดขึ้น พอบีมได้เจอกับฝั่งอาสาที่นำแมวไปปล่อย เขาพูดอย่างเดียวว่าเขามีหน้าที่แค่จับแมวออกมาจากบ้าน แต่เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องนำแมวเอาไปไว้ที่ไหน คือ อันนี้บีม งงมากค่ะ


ขั้นตอนของอาสาสมัคร คือ แค่จับแมวออกไปจากบ้านให้พ้นจากบ้านที่เดือดร้อน แต่ทำไมคุณถึงไม่ตามหาเจ้าของแมวเก็บแมวไว้ก่อนหรือให้แมวอยู่ในที่ปลอดภัยแต่คุณนำไปปล่อยป่า ซึ่งเขานำไปปล่อยเวลาประมาณ 15.00 น. บีมกลับถึงบ้านมาประมาณ 16.00 น. ก็ไม่เจอน้องแล้ว มันคลาดกันนิดเดียว เจ้าของบ้านที่แจ้งจับ เขาบอกว่าเขาเข้าออกบ้านไม่ได้เจ้าสัว ขู่เขาตลอด เขากลัวค่ะ แต่เจ้าสัว ไม่ได้กัดนะคะ เจ้าสัว แค่ขู่ เมื่อเช้าบีม ไปคุยกับเจ้าของบ้านที่แจ้งจับเจ้าสัว แล้วค่ะ ตอนพี่ที่โทรมาบอกว่าแมวอยู่กับกู้ภัย บีม รู้สึกปลอดภัยนะคะ นึกว่าน้องอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว คิดว่าลำดับขั้นตอนต่อไปเขาคงตามหาเจ้าของแต่ไม่ใช่ค่ะเขาเอาไปปล่อยป่า พฤติกรรมของหน่วยอาสากู้ภัยชุดนี้ไม่มีมีวุฒิภาวะที่จะเป็นหน่วยกู้ภัยค่ะ เจอกันไม่เคยพูดดีกับเราเลย ขึ้นเสียงไม่ฟังเหตุผล เอาเราไปโพสต์ประจาน เอาเราไปพูดว่าร้าย ข่มขู่จะทำร้าย รอผลชันสูตรประกอบภาพหลักฐานจุดที่นำแมวไปปล่อย ถ้าช่วยออกจากบ้านแล้วปล่อยไว้ที่เดิมเรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้ เจ้าสัว อาจไม่ต้องตาย สงสัยว่ามีบางคนสับสนระหว่างแมวดาวกับอเมริกันชอตแฮร์หรือเปล่า ติดตามผลการดำเนินคดี