“ไพบูลย์” ระบุข้อเรียกร้องกลุ่มราษฎร เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน มิใช่ต้องการปฏิรูปอย่างที่กล่าวอ้าง
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า การที่แกนนำกลุ่มราษฏร 2563 เสนอให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อและได้นำขึ้นกล่าวปลุกระดมมวลชนในสถานที่ชุมนุมต่างๆหลายแห่ง ตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า มีข้อกฎหมาย ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2562 วันที่ 7 มี.ค. 2562 คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ในหน้าที่ 19 ถ้าพรรคการเมืองใดมีการกระทำที่เป็นการล้มล้าง หรือ เพียงอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอีกตอนวินิจฉัยว่า จะอ้างความไม่รู้ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือความเห็นความเชื่อของตนมาเป็นข้อแก้ตัวให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบต่อการกระทำนั้นไม่ได้ และในหน้าที่ 20 ศาลวินิจฉัยว่า ส่วนคำว่า ปฏิปักษ์ นั้นไม่จำต้องรุนแรงถึงขนาดมีเจตนาที่จะล้มล้างทำลายให้สิ้นไป ทั้งยังไม่จำต้องถึงขนาดตั้งตนเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เพียงแต่เป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการขัดขวางหรือสกัดกั้นมิให้เจริญก้าวหน้า หรือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย จนเกิดความชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง ก็เข้าลักษณะของการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ได้แล้ว สำหรับประเด็นเรื่องเจตนานั้น เมื่อมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติชัดเจนว่า เพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ก็ต้องห้ามแล้ว หาจำต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นมาตรการป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจเกิดแก่สถาบันหลักของประเทศไว้ก่อน อันเป็นรัฐประศาสโนบายที่จำเป็นเพื่อดับไฟกองใหญ่ไว้แต่ต้นลมมิให้ไฟกองเล็กกระพือโหมไหม้ลุกลามขยายใหญ่จนเป็นมหันตภัยที่ไม่อาจต้านทานได้ในวาระต่อไป จึงเห็นได้ว่าข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ให้ปฏิรูปสถาบันล้วนแต่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันทั้งสิ้น ดังนั้นการกระทำของแกนนำกลุ่มราษฎร 2563 จึงเท่ากับตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน มิใช่เป็นการกระทำเพื่อปฏิรูปสถาบันอย่างที่กล่าวอ้าง
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันทั้ง 10 ข้อ เป็นการก้าวล่วงที่ไม่บังควรกระทำ และขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ซึ่งบัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” ด้วยรวมทั้งยังทำลายจารีตประเพณีที่ยาวนานของสังคมไทย และการจาบจ้วงสถาบันเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดลบหลู่ความเชื่อ ความศรัทธา และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ของประชาชนคนไทยหลายสิบล้านคน แกนนำกลุ่มราษฏร 2563 ที่เสนอให้ปฏิรูปสถาบันไม่ว่าเป็นกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด ย่อมถือว่ามิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เนื่องจากก้าวล่วงรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 ให้สามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวได้ และ ด้วยเพราะแกนนำกลุ่มราษฎร 2563 ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน จึงมิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต และการกระทำของแกนนำกลุ่มราษฎร 2563 ยังทำให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ไม่ว่าเป็น พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ หรือ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การกระทำของแกนนำกลุ่มราษฏร์ 2563 จึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ตนจึงเสนอข้อกฎหมายให้ประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่ในกรุงเทพและในต่างจังหวัด 76 จังหวัด ทั่วทั้งประเทศหลายสิบล้านคน ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ หมวด 4 หน้าที่ปวงชนชาวไทย มาตรา 50 (1) บัญญัติว่า “บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” โดยหากพบว่ามีแกนนำกลุ่มราษฎร์ 63 หรือเรียกชื่ออื่นก็ตาม ที่มีพฤติการณ์จัดชุมนุม และเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่กล่าวมาข้างต้น ขอให้ประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับแกนนำผู้ชุมนุมเหล่านั้น ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องยุติการกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าว