"ศรีสุวรรณ"บุกร้อง กกต. สอบคณะก้าวหน้า

2020-11-09 11:10:37

"ศรีสุวรรณ"บุกร้อง กกต. สอบคณะก้าวหน้า

Advertisement

"ศรีสุวรรณ"บุกร้อง กกต. สอบคณะก้าวหน้าดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมืองหรือไม่ 

เมื่อเวลา 10.00 น.  วันที่ 9 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.111 หรือไม่ หากพบว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือมีความผิด ให้ดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ต่อไป ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้ร่วมกันตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาโดยมีการกำหนดตำแหน่งประธาน กรรมการ และเลขาธิการ โดยมีภาพเครื่องหมายของคณะเช่นเดียวกันกับพรรคการเมือง และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับพรรคการเมือง เช่น การจัดประชุมเปิดตัวผู้สมัคร และส่งคนสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายก อบจ.) และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.) กว่า 40 จังหวัด ทั่วประเทศในนามกลุ่มก้าวหน้า โดยใช้สัญลักษณ์หรือโลโก้กลุ่มในสื่อหาเสียงต่างๆ และให้นายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ ก็ไปร่วมปราศรัย เดินรณรงค์หาเสียงด้วยเช่นกัน

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าวของนายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ กับพวก จึงเป็นการสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง จึงอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ม.111 ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี”  ดังนั้น การที่ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ถูกกำหนดขึ้นมาก็เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆไปจดแจ้งต่อ กกต. เพื่อที่จะได้มีกลไกทางกฎหมายในการควบคุม ดูแล โดยเฉพาะเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อประชาชนหากพรรคการเมืองไปดำเนินกิจกรรมใดๆที่อาจผิดกฎหมาย แต่การเลี่ยงบาลีโดยการไปจัดตั้งกลุ่มการเมืองขึ้นมา เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งอาจต้องใช้เงินใช้ทองมหาศาลในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมือง แต่ไม่มีการจดแจ้งก่อตั้งต่อ กกต.ตามที่กฎหมายกำหนด เช่นนี้ สังคมหรือ กกต.จะไปตรวจสอบการทำงาน ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน หรือความโปร่งใสได้อย่างไร ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองหรือไม่ อย่างไร