นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเพิ่มพูนความร่วมมือ "ไทย-แอฟริกาใต้" อย่างรอบด้าน พร้อมขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพระหว่างกัน
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเจฟฟรีย์ ควินตัน มิตเชลล์ ดอยจ์ (H.E. Mr. Geoffrey Quinton Mitchell Doidge) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้มีความใกล้ชิดและก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานมาโดยตลอด พร้อมทั้งยินดีกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ ตลอดจนเห็นพ้องว่าทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น ทั้งในด้านการค้าการลงทุน การเกษตร และสาธารณสุข นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งแอฟริกาใต้พร้อมเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ดังกล่าวกับไทย ด้านนายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลแอฟริกาใต้ที่อำนวยความสะดวกส่งชาวไทยเดินทางกลับประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันไทยพร้อมแลกเปลี่ยนร่วมมือกับแอฟริกาใต้เพื่อผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวไปด้วยกัน
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและแอฟริกาใต้ยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองประเทศมีจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ที่สามารถเป็นประตูเชื่อมภูมิภาคให้แก่กันและกันได้ ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนจากแอฟริกาใต้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในสาขาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการลงทุน ไทยพร้อมสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในแอฟริกาใต้มากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาในรายละเอียดร่วมกันเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น