"พนิต" ขอ "บิ๊กตู่" อย่ากังวลตำแหน่งนายกฯ ชี้มีคนไทยคุณสมบัติเพียบพร้อม ซื่อสัตย์สุจริต เป็นนักประชาธิปไตยมากกว่าด้วยซ้ำ
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวเปิดหลักสูตร วปอ.63 ตอนหนึ่งว่า “ถ้าวันหน้า มีคนที่ดีกว่า เก่งกว่า ซื่อสัตย์กว่าผม ซื่อสัตย์เหมือนเดิม ก็คงมาทำงานต่อไป ให้รับผิดชอบประเทศต่อไป” เป็นคำพูดที่สื่อให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังสำคัญตัวเองผิด คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของการบริหารประเทศ และทะนงตัวว่า ตนเองเป็นเหมือนซูเปอร์แมน นำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จได้แต่เพียงผู้เดียว คงไม่มีใครที่จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าตัวเอง และยังท้าทายว่าถ้ามีใครเก่งกว่าตัวเอง ซื้อสัตย์กว่าตัวเอง ก็ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งในความเป็นจริงตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา มีนายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรืออาจจะเหนือกว่าพล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำไปอีกหลายคน เช่น นายชวน หลีกภัย นายอานันท์ ปัณยารชุน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย หรือข้อหาการทุจริตในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลย
นายพนิต กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ต่างหากที่ต้องตอบคำถามกับสังคม ที่ได้ลงคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐและพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อการเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค. 2562 ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ข้อ คือ (1)อยากได้ความสงบต้องจบที่ลุงตู่และกระแสกลัวระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง จึงเทคะแนนเสียงเลือกพล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดความสงบ ที่สังคมคาดหวัง ได้จบที่ลุงตู่จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาอาจจะเกิดภาพลวงตาว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ก็เพราะเป็นยุค คสช. ที่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ จึงทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ (2)ส่วนประเด็นที่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์มาต่อสู้กับระบอบทักษิณนั้น สุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ก็ใช้บริการลิ่วล้อ หรือคนรอบข้างของระบอบทักษิณในอดีตทั้งหมด มาทำค้ำบัลลังก์ของตัวเอง
จึงอยากจะเรียนให้พล.อ.ประยุทธ์ทราบว่า ยังมีคนไทยอีกหลายคน ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทั้งความรู้ ความสามารถความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นนักประชาธิปไตยมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำไปอีกจำนวนมาก ขออย่าได้กังวัลกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหมือนคำกล่าวที่ว่า “กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี “ฉันใดก็ฉันนั้น