คณะก้าวหน้ารับฟังข้อกล่าวหา ม.116 "ปิยบุตร" ชี้การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองไม่เป็นผลดี "ธนาธร" อัด หาก "บิ๊กตู่" ยังเป็นนายกฯ ไม่สามารถหาทางออกให้ประเทศได้ ด้าน "พรรณิการ์" เชื่อการยัดคดีใส่ฝ่ายเห็นต่างเป็นกระสุนด้าน ไม่ทำให้ประชาชนกลัวอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ สน.พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางเข้ารับฟังข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
นายปิยบุตร ระบุว่า คดีนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยอ้างข้อเท็จจริงการกระทำของพวกเราหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะกรณีของตนนั้น ก็เป็นเรื่องของการเอาบทความ หนังสืองานวิชาการ ตั้งแต่สมัยที่ตนนั้นเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอาการบรรยายในห้องเรียนที่ตนถูกเชิญไปในวิชา TU 101 ไปจนถึงการโพสต์ในเฟซบุ๊กที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาวิกฤตการทางการเมือง ในส่วนของนายธนาธร เป็นเรื่องของวารสารฟ้าเดียวกัน โดยที่นายธนาธรไม่ได่เป็นกองบรรณาธิการอะไร เพียงแต่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ส่วนของ น.ส.พรรณิการ์ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ที่ถูกเชื่อมโยงเข้าข้อกล่าวหาจากการไลฟ์เฟซบุ๊กในที่ชุมนุม การนำเรื่องทั้งหมดมาแจ้งข้อกล่าวหานั้นจะเป็นผลเสียอย่างมาก ทั้งนี้ข้อเสนอและการพูดคุยของเรานั้นเป็นการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เอา มาตรา 116 เป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพื่อจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง
ด้าน นายธนาธร กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับตน นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์เท่านั้น แต่ยังเกิดกับนิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและอนาคตที่ดีกว่านี้ ตนอยากให้สื่อมวลชนและประชาชนร่วมกันตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ถ้าอยากจะหาทางออกให้กับประเทศ อย่างแรกที่หยุดและแสดงความจริงใจได้ ก็คือหยุดการยัดเยียดคดีความให้กับกลุ่มคนที่เห็นต่างทางการเมือง หยุดยัดเยียดคดีความให้กับกลุ่มคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย ตราบใดที่ไม่หยุดเรื่องนี้ ตนมองไม่เห็นเลยว่าจะหาทางออกร่วมกันได้อย่างไร และมองไม่เห็นเลยว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะหาทางออก
“สถานการณ์การเมืองไทยวันนี้อยู่ในสถานะที่ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการหาทางออก ตราบใดที่ยังมีคุณประยุทธ์อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี การหาทางออกให้กับประเทศไทยจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ผมขอฝากพี่น้องประชาชนติดตามการใช้อำนาจของฝ่ายรัฐบาล ว่ามีความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ เหตุและผลของคดีความ มีความสมเหตุสมผลกับผู้ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยหรือไม่ ให้กำลังใจและยืนเคียงข้างนักศึกษาที่ออกมาต่อสู้ทวงคืนอนาคตที่ควรจะเป็นของสังคมไทยให้กับพวกเรา” นายธนาธร กล่าว
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า อยากสื่อสารไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่า อาวุธที่ท่านใช้มาตลอดต่อเนื่องเข้าปีที่ 7 แล้ว คือการยัดคดีความใส่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อาวุธนี้ไม่ใช่กระสุนอาญาสิทธิ์แล้ว แต่คือกระสุนด้าน และด้านมาหลายนัดแล้ว การดำเนินคดีกับผู้ที่ชุมนุมประท้วง ผู้ที่เป็นแกนนำ ผู้ที่ขึ้นปราศรัย ไม่สามารถหยุดการประท้วงแต่กลับทำให้ลุกลามบานปลายได้ฉันใด การยัดคดีความใส่พรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลก็จะเกิดผลแบบเดียวกัน ไม่อาจทำให้หยุดการทำงานของเรา ในทางตรงกันข้าม ต้องขอบคุณการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ยิงกระสุนด้านใส่เรา ซึ่งทำให้เราได้รับเสียงตอบรับ ได้รับแรงสนับสนุน ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้น และยิ่งมีคดีความใส่เราประชาชนก็ยิ่งจะเห็นว่า การต่อสู้กับอำนาจอิทธิพลเถื่อนในประเทศนี้ ซึ่งเราต่อสู้กับอิทธิพลเถื่อนระดับประเทศ และคณะก้าวหน้าก็ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ. ที่จะไปต่อสู้กับอิทธิพลเถื่อนในจังหวัด หรือที่เราเรียกว่าบ้านใหญ่ และเราจะยุติการเมืองแบบอำนาจนิยมที่อำนาจนั้นอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คน และจะทำให้อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง