ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน เดินสายหาเสียงวันสุดท้ายในหลายรัฐที่เป็นรัฐสมรภูมิ หรือ battleground states ที่คาดว่าจะเป็นรัฐที่ชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้
ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะมาถึงในอีกไม่ถึง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ผู้สมัครทั้งสองคนต่างพยายามแย่งชิงคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ที่คาดว่ามีอยู่ราว 5 เปอร์เซ็นต์ โดยรัฐเพนซิลเวเนียถือเป็นหนึ่งในรัฐสำคัญที่มีจำนวนผู้แทนเลือกตั้ง 20 คน ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ชนะที่รัฐนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ขณะนี้กำลังมีคะแนนนิยมตามหลังนายไบเดน และเป็นอีกหนึ่งรัฐที่ผู้สมัครทั้งสองต่างขับเคี่ยวกันอย่างหนัก เพื่อให้ได้ชัยชนะ
อดีตรองประธานาธิบดีไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ให้คำมั่นต่อบรรดาคนงานโรงงานเหล็กในรัฐเพนซิลเวเนียระหว่างการหาเสียงวันสุดท้ายในวันจันทร์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐ ว่า พวกเขาจะยังมีงานทำต่อไป หากเขาชนะการเลือกตั้ง
นายไบเดน วัย 77 ปี ซึ่งกล่าวหาเสียงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนในเมืองโมนากา รัฐเพนซิลเวเนีย พุ่งเป้าโจมตีประธานาธิบดีทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน โดยบอกว่า ทรัมป์เป็น “ผู้แพ้” และต้องการ “แบ่งแยกสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวอเมริกัน” พร้อมย้ำว่า อนาคตของประเทศอยู่ในมือของทุกคน และเขาจะไม่ยอมให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ขโมยผลการเลือกตั้งครั้งนี้หากตนเป็นผู้ชนะ พร้อมทั้งกล่าวโจมตีความผิดพลาดของผู้นำสหรัฐฯ ในการรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีคนอเมริกันเสียชีวิตกว่า 230,000 คน จากผู้ติดเชื้อมากกว่า 9.3 ล้านคน

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ วัย 74 ปี ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่แพ้ในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 หลังจากจอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช พรรครีพับลิกันเช่นกัน แพ้เลือกตั้งในสมัยที่ 2 ปี พ.ศ.2535 แม้ว่าผลโพลล์ระดับประเทศพบว่า นายไบเดนยังมีคะแนนนิยมนำห่าง แต่การแข่งขันในรัฐสมรภูมิ หรือสวิงสเตท ก็ยังสูสีกันมาก ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์อาจรวบรวมคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ได้ครบ 270 คะแนนก่อน และเป็นผู้ชนะก็ได้
ทรัมป์ ย้ำเตือนฝูงชนในการหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนียในวันจันทร์ ว่า เขาชนะในรัฐนี้ในการเลือกตั้งในปี 2559 แม้ว่าผลโพลล์จะชี้ว่า เขาจะแพ้ และเตือนว่า แผนการของเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งในการกำหนดวันนับคะแนนถึง 3 วันหลังวันเลือกตั้งนั้น เป็น “สถานการณ์ที่อันตราย” โดยทรัมป์ กล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนในเมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนียว่า เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น ไม่สามารถขยายเวลาออกไปได้อีก
ทรัมป์ กล่าววิจารณ์คำตัดสินของศาลที่อนุญาตให้บางรัฐสามารถขยายเวลาการรับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์หากประทับตราไปรษณียกรในวันเลือกตั้ง คือ 3 พฤศจิกายน และมาถึงภายในเวลาที่รัฐนั้น ๆ กำหนดไว้ โดยทรัมป์ กล่าวในการหาเสียงเมื่อวันอาทิตย์หลายครั้งโดยไม่มีหลักฐานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเต็มไปด้วยการทุจริต
ผู้นำสหรัฐฯ ยังส่งสัญญาณว่าอาจมีการฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับการนับคะแนนจากบัตรลงคะแนนเลือกตั้งของผู้ที่ไม่สามารถไปปรากฎตัว ณ สถานที่เลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้องของพรรครีพับลิกันที่ขอให้สั่งห้ามการขยายเวลารับบัตรลงคะแนนดังกล่าวออกไปอีกสามวัน
ทรัมป์ ยังแสดงความไม่พอใจที่การประกาศผลการเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไป โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมหากต้องรอฟังผลอย่างเป็นทางการเป็นเวลานานหลังวันเลือกตั้งผ่านไปแล้ว
นอกจากรัฐเพนซิลเวเนียแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์จะหาเสียงต่อที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา รัฐมิชิแกน และรัฐวิสคอนซิน ซึ่งล้วนเป็นรัฐสมรภูมิที่ประธานาธิบดีทรัมป์จำเป็นต้องกำชัยชนะให้ได้ และเขาชนะทั้ง 4 รัฐอย่างฉิวเฉียดในการเลือกตั้งปี 2559 แต่ผลโพลล์ล่าสุด พบว่า การเลือกตั้งในปีนี้ แตกต่างออกไป อาจเป็นไบเดน ที่กวดคะแนนได้ทั้ง 4 รัฐ
ส่วนนายไบเดน เดินทางต่อไปที่รัฐโอไฮโอในวันจันทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่ผู้สมัครทั้งสองคนมีคะแนนเสมอกันจากผลการสำรวจหลายโพลล์
คาดว่าผลการเลือกตั้งในรัฐต่าง ๆ จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจนกระทั่งหลายสัปดาห์หลังวันเลือกตั้ง สืบเนื่องจากจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งปีนี้มีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยที่รัฐส่วนใหญ่มีเวลาจนถึงปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนธันวาคม ในการรายงานผลเลือกตั้งในรัฐนั้น ๆ ทั้งนี้ ชาวอเมริกันแห่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นสถิติ 97.3 ล้านคน ทั้งที่ไปหย่อนบัตรในคูหาและเลือกตั้งทางไปรษณีย์ เกินกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมดในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์ 138.8 ล้านคน
สำหรับผลสำรวจความนิยมล่าสุดจากการรวบรวมของเว็บไซต์ Real Clear Politics พบว่า ทรัมป์และไบเดน ได้คะแนนเท่ากันในรัฐฟลอริดา แอริโซนา และนอร์ธแคโรไลนา ขณะที่ทรัมป์ ตามหลังไบเดน ในรัฐมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ส่วนผลสำรวจทั่วประเทศ พบว่า ไบเดน ยังนำทรัมป์ อยู่ราว 7-8 เปอร์เซนต์
ส่วนสำนักข่าวเอ็นบีซี นิวส์ และวอลล์สตรีทเจอร์นัล เผยผลสำรวจความเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับชาติที่เผยแพร่ล่าสุดในวันอาทิตย์ ก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน โดยคะแนนนิยมของไบเดนอยู่ที่ร้อยละ 52 ขณะที่เสียงสนับสนุนทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 42
ผลสำรวจครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนี้พบว่าไบเดนนำหน้าทรัมป์ถึง 6 จุด ใน 12 รัฐสวิงสเตท ได้แก่ แอริโซนา ฟลอริดา จอร์เจีย ไอโอวา เมน มิชิแกน มินนิโซตา นอร์ธแคโรไลนา นิวแฮมป์เชียร์ เนวาดา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน โดยคะแนนอยู่ที่ร้อยละ 51 ต่อ 45
ผลสำรวจยังพบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ 57 ไม่เห็นด้วยกับผลงานของทรัมป์ในการจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่ร้อยละ 55 พึงพอใจกับการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์