เปิดรายงานผลศึกษาร่างแก้ไข รธน. กว่า 400 หน้า

2020-11-02 15:35:26

เปิดรายงานผลศึกษาร่างแก้ไข รธน. กว่า 400 หน้า

Advertisement

ประธานวิปรัฐบาลเปิดรายงานผลศึกษาร่างแก้ไข รธน. ก่อนรับหลักการ กว่า 400 หน้า คาดบรรจุ 17-18 พ.ย. นี้  ชี้นายกฯ ต้องอยู่ต่อ แก้ปัญหาประเทศ ไม่ติด 3 แนวทาง คกก. สมานฉันท์ พร้อมให้ความร่วมมือ

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เป็นประธานการประชุมวิปรัฐบาล โดยก่อนการประชุม เปิดเผยว่า รายงานผลการศึกษา ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 6 ร่าง ก่อนรับหลักการ ได้จัดทำแล้วเสร็จ หนากว่า 400 หน้า คาดว่าจะสามารถพิจารณา พร้อมกับร่างแก้ รธน. ของไอลอว์ ที่มีหลักการคล้ายคลึงกับร่างของฝ่ายค้านและรัฐบาล ในญัตติที่ 1 และ 2 ซึ่งเนื้อหาบรรจุการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แตกต่างที่รายละเอียดเล็กน้อย โดยการดำเนินการจะยึดร่างของรัฐบาลเป็นหลัก ส่วนหากจะมีการแก้ไข ให้ไปพิจารณาในชั้นแปรญัตติ ซึ่งคาดว่าจะนำมาพิจารณาราววันที่ 17-18 พ.ย. นี้ ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภากำหนดวัน โดยการชี้แจงรายงานฉบับนี้คาดว่าจะใช้เวลาครึ่งวัน หลังจากนั้นสามารถโหวตได้ทันที ส่วนท่าทีของ สมาชิกวุฒิสภา เริ่มดีขึ้น ทั้งนี้อยู่การลงมติของสมาชิกอีกครั้ง ส่วนที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น ก็เป็นเรื่องของ นพ.วรงค์ แต่นี่เป็นมติของวิปรัฐบาล ที่เห็นชอบเสนอร่าง ซึ่งไม่ได้ทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา

ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น นายวิรัช กล่าวว่า  คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะมีความชัดเจน ส่วนที่ฝ่ายค้านมีท่าทีไม่ตอบรับนั้น นายวิรัช ขอให้ฝ่ายค้านได้ศึกษารายงานก่อน เพราะขณะนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งวิปรัฐบาล ก็เห็นด้วยกับทั้ง 3 แนวทาง หากจะมีการเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง  ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้าน ตั้งเงื่อนไขว่าหนทางเดียวในการแก้ปัญหา คือ นายกรัฐมนตรี ต้องลาออก นายวิรัช กล่าวว่า ขอให้ทำตามเงื่อนไขที่พอเป็นไปได้ พร้อมยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี จะต้องอยู่ต่อเพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนข้อเรียกร้อง ก็เป็นเรื่องของผู้ชุมนุม แต่ก็ต้องฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่ ทั้งนี้วิปรัฐบาล เตรียมพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่รัฐบาลเสนอมา ซึ่งจัดตั้งคณะอนุกรรมมาธิการขึ้นมาศึกษา คาดว่าจะประชุม 2 ถึง 3 ครั้ง แต่ทั้งนี้ประธานรัฐสภา ยังไม่ได้บรรจุวาระ คาดว่าปลายเดือนนี้น่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้