ดิค กอร์ดอน ประธานกาชาดฟิลิปปินส์ แถลงวันนี้ว่า กลัวว่า ไต้ฝุ่น “โคนี” ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ อาจทำให้อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 90 เปอร์เซ็นต์ ในเมือง “บีรัก” ซึ่งมีประชากร 70,000 คนในจังหวัดคาตันดัวเนส โดยจากการประเมินด้วยสายตา เมืองบีรักได้รับผลกระทบอย่างเลวร้ายจากไต้ฝุ่นโคนี มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 16 คน หลังไต้ฝุ่นโคนี พัดขึ้นฝั่งบนเกาะคาตันดัวเนส ในฐานะซูเปอร์ไต้ฝุ่นในวันอาทิตย์ แต่ขณะนี้ ไต้ฝุ่นได้ลดระดับความแรงลงเหลือเป็นเพียงพายุโซนร้อนเท่านั้น
ประชาชนหลายหมื่นคนไร้ที่อยู่อาศัย แม้ว่าพายุลูกนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงในกรุงมะนิลา เมืองหลวงฟิลิปปินส์ ไต้ฝุ่นโคนี ซึ่งชาวท้องถิ่นในฟิลิปปินส์เรียกชื่อว่า “โรลลี” เป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุดที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ตั้งแต่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดกระหน่ำในเดือนพฤศจิกายน 2556 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,300 คน และสูญหายอีกกว่า 1,700 คน
เมืองบีรัก เป็นเขตเมืองแรกบนเกาะคาตันดัวเนส ถูกพายุพัดเข้าถล่ม สายโทรศัพท์ขาดตั้งแต่วันอาทิตย์ และไม่สามารถติดต่อสื่อสารออกนอกพื้นที่ได้ กาชาดฟิลิปปินส์ ยืนยันกับบีบีซีว่า ทีมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ประเมินด้วยสายตาแล้ว ระบุว่า มีอาคารบ้านเรือนในเขตเทศบาลของเมืองได้รับความเสียหายจากพายุลูกนี้ระหว่าง 80-90 เปอร์เซ็นต์
นายกอร์ดอน กล่าวว่า ความเสียหายปัจจุบันที่เกิดขึ้นในเมือง น่าจะประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของความเสียหายจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนทั่วจังหวัดคาตันดัวเนส กาชาดฟิลิปปินส์ แถลงด้วยว่า ไม่มีไฟฟ้า, ไม่มีน้ำสะอาดและไม่มีเครือข่ายโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม มีความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นต่อสนามบินและท่าเรือในภูมิภาค

พายุโคนีทวีความรุนแรงเป็น “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ขณะพัดขึ้นฝั่ง มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมกระโชกแรงถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่มในภูมิภาคบีโคล สร้างความเสียหายแก่ 12 ภูมิภาคจากทั้งหมด 17 ภูมิภาคของฟิลิปปินส์
พายุอ่อนกำลังลงในไม่กี่ชั่วโมงและเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าหลังจากนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนรุนแรงขณะมุ่งหน้าสู่ทะเลจีนใต้
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี ซึ่งเป็นพายุหมุนหรือพายุไซโคลนลูกที่ 18 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ โดยพัดถล่มใกล้กับภูมิภาคของฟิลิปปินส์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นโมลาเบ (Typhoon Molave) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้งยังทำลายโครงสร้างพื้นฐานและพืชผล
ขณะเดียวกันสำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ระบุว่ากำลังติดตามความเคลื่อนไหวของพายุหมุนเขตร้อนอัสนี (Atsani) ซึ่งกำลังก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากชายฝั่งเกาะลูซอนไปทางตะวันออกราว 1,365 กิโลเมตร
พายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนพัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคมบ่อยครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์
ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “แนววงแหวนแห่งไฟ” ของมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟระเบิดหรือแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง รวมถึงต้องเจอพายุไต้ฝุ่นเฉลี่ยปีละ 20 ลูก เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม โดยระหว่างปี พ.ศ.2553-2562 ฟิลิปปินส์สูญเสียเงินเนื่องจากภัยธรรมชาติมากถึง 4.63 แสนล้านเปโซ (ประมาณ 2.98 แสนล้านบาท)