ฤทธิ์ไต้ฝุ่น “โคนี” ถล่มฟิลิปปินส์ อาคารบ้านเรือนเสียหาย 90 เปอร์เซ็นต์

2020-11-02 14:40:27

ฤทธิ์ไต้ฝุ่น “โคนี” ถล่มฟิลิปปินส์ อาคารบ้านเรือนเสียหาย 90 เปอร์เซ็นต์

Advertisement


ดิค กอร์ดอน ประธานกาชาดฟิลิปปินส์ แถลงวันนี้ว่า กลัวว่า ไต้ฝุ่น “โคนี” ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ อาจทำให้อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 90 เปอร์เซ็นต์ ในเมือง “บีรัก” ซึ่งมีประชากร 70,000 คนในจังหวัดคาตันดัวเนส โดยจากการประเมินด้วยสายตา เมืองบีรักได้รับผลกระทบอย่างเลวร้ายจากไต้ฝุ่นโคนี มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 16 คน หลังไต้ฝุ่นโคนี พัดขึ้นฝั่งบนเกาะคาตันดัวเนส ในฐานะซูเปอร์ไต้ฝุ่นในวันอาทิตย์ แต่ขณะนี้ ไต้ฝุ่นได้ลดระดับความแรงลงเหลือเป็นเพียงพายุโซนร้อนเท่านั้น

ประชาชนหลายหมื่นคนไร้ที่อยู่อาศัย แม้ว่าพายุลูกนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงในกรุงมะนิลา เมืองหลวงฟิลิปปินส์ ไต้ฝุ่นโคนี ซึ่งชาวท้องถิ่นในฟิลิปปินส์เรียกชื่อว่า “โรลลี” เป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุดที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ตั้งแต่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดกระหน่ำในเดือนพฤศจิกายน 2556 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,300 คน และสูญหายอีกกว่า 1,700 คน



เมืองบีรัก เป็นเขตเมืองแรกบนเกาะคาตันดัวเนส ถูกพายุพัดเข้าถล่ม สายโทรศัพท์ขาดตั้งแต่วันอาทิตย์ และไม่สามารถติดต่อสื่อสารออกนอกพื้นที่ได้ กาชาดฟิลิปปินส์ ยืนยันกับบีบีซีว่า ทีมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ประเมินด้วยสายตาแล้ว ระบุว่า มีอาคารบ้านเรือนในเขตเทศบาลของเมืองได้รับความเสียหายจากพายุลูกนี้ระหว่าง 80-90 เปอร์เซ็นต์

นายกอร์ดอน กล่าวว่า ความเสียหายปัจจุบันที่เกิดขึ้นในเมือง น่าจะประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของความเสียหายจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน



มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนทั่วจังหวัดคาตันดัวเนส กาชาดฟิลิปปินส์ แถลงด้วยว่า ไม่มีไฟฟ้า, ไม่มีน้ำสะอาดและไม่มีเครือข่ายโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม มีความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นต่อสนามบินและท่าเรือในภูมิภาค

พายุโคนีทวีความรุนแรงเป็น “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ขณะพัดขึ้นฝั่ง มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมกระโชกแรงถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่มในภูมิภาคบีโคล สร้างความเสียหายแก่ 12 ภูมิภาคจากทั้งหมด 17 ภูมิภาคของฟิลิปปินส์

พายุอ่อนกำลังลงในไม่กี่ชั่วโมงและเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าหลังจากนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนรุนแรงขณะมุ่งหน้าสู่ทะเลจีนใต้

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี ซึ่งเป็นพายุหมุนหรือพายุไซโคลนลูกที่ 18 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ โดยพัดถล่มใกล้กับภูมิภาคของฟิลิปปินส์ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นโมลาเบ (Typhoon Molave) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้งยังทำลายโครงสร้างพื้นฐานและพืชผล



ขณะเดียวกันสำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ระบุว่ากำลังติดตามความเคลื่อนไหวของพายุหมุนเขตร้อนอัสนี (Atsani) ซึ่งกำลังก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากชายฝั่งเกาะลูซอนไปทางตะวันออกราว 1,365 กิโลเมตร

พายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนพัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคมบ่อยครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์

ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “แนววงแหวนแห่งไฟ” ของมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟระเบิดหรือแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง รวมถึงต้องเจอพายุไต้ฝุ่นเฉลี่ยปีละ 20 ลูก เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม โดยระหว่างปี พ.ศ.2553-2562 ฟิลิปปินส์สูญเสียเงินเนื่องจากภัยธรรมชาติมากถึง 4.63 แสนล้านเปโซ (ประมาณ 2.98 แสนล้านบาท)