“พุทธิพงษ์” ขอทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้เท่าทันข่าวปลอม

2020-11-02 11:58:07

“พุทธิพงษ์” ขอทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้เท่าทันข่าวปลอม

Advertisement

“พุทธิพงษ์” ขอทุกภาคส่วนร่วมมือสร้างการรับรู้เท่าทันข่าวปลอม ยันบังคับใช้กฎหมายกับผู้ใช้โซเชียล ที่สร้างข่าวบิดเบือนส่งผลกระทบกับสังคม 

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า การสัมมนา “สร้างการรับรู้ เพื่อรู้เท่าทันและรับมือกับข่าวปลอม ครั้งที่ 3” ที่ จ.พังงา ภายใต้โครงการศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอม มีกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคใต้ บุคลากรด้านสาธารณสุข ภาคสังคม สื่อมวลชน และภาคประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการตรวจสอบข่าวปลอมได้ด้วยตนเอง วิธีเช็คแหล่งที่มา วิธีสังเกตหัวข้อพาดหัวข่าว และได้ทราบถึงการแจ้งเบาะแสให้กับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม


นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ตั้งแต่วันจัดตั้งศูนย์ถึงช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา (1 พ.ย.62-28 ต.ค.63) จากการรวบรวมข้อมูลทั้งจากที่มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามา และระบบติดตามการสนทนาทางโซเชียล  พบว่า มีจำนวนข้อความข่าวที่ต้องคัดกรองทั้งหมด 25,835,350 ข้อความ ข้อความข่าวที่เข้าเกณฑ์ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 19,466 ข้อความ โดยมีจำนวนเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 6,826 เรื่อง ในจำนวนนี้ 56 เปอร์เซ็นต์  เป็นข่าวในหมวดสุขภาพ ตามมาด้วยหมวดนโยบายรัฐ 2,620 เรื่อง คิดเป็น 38เปอร์เซ็นต์  หมวดเศรษฐกิจ 251 เรื่อง คิดเป็น 4 เปอร์เซ็นต์  และหมวดภัยพิบัติ 143 เรื่อง  คิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ กระทรวงฯ มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการทำงานเชิงรุก เพื่อเร่งทำการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม ผ่านกลไกการทำงานทั้งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้เกิดแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น


“ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม จริงๆ แล้ว ผมเป็นคนแรกที่ได้คิดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เนื่องจากพบว่าในต่างประเทศมีการจัดตั้งแล้ว แต่ไทยยังไม่มี จึงเริ่มให้เกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับรู้ ไม่สร้างความตื่นตระหนก หรือสร้างความเสียหายให้แก่สังคมในวงกว้าง แต่ข่าวที่เกิดขึ้น กระทรวงดิจิทัลฯ ไม่สามารถจะตอบข้อสงสัยได้ทั้งหมดว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนปลอม จำเป็นต้องประสานข้อมูลจากหน่วยงาน และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ช่วยยืนยันข้อเท็จจริง ให้ทันเวลาในการชี้แจงให้ประชาชนรู้เท่าทัน เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชนให้ได้ทันท่วงที ภายใน 2 ชม."นายพุทธิพงษ์ กล่าว

นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีช่องทางเพจ “อาสา จับตา ออนไลน์” ในการให้ประชาชนแจ้งข้อมูลข้อความที่ไม่เหมาะสม เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐานส่งศาลให้พิจารณาปิดกั้น หรือ ลบข้อมูลนั้น ภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นหากแพลตฟอร์มไม่ดำเนินการปิดกั้น หรือลบข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ภายใน 15 วัน กระทรวง และเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการนำคำสั่งศาลยื่นฟ้องแพลตฟอร์มต่างประเทศ ที่ถือเป็นครั้งแรกของไทย ที่จริงจังในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด ทั้งนี้ แม้ว่าแพลตฟอร์มต่างประเทศใช้ระบบทำงานในประเทศไทย ก็ต้องยอมรับ เคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายของไทยด้วย


ขณะที่ นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ในภาคใต้ครั้งนี้ จะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนการตรวจสอบเฝ้าระวังการเผยแพร่ข้อมูลเนื้อหา และข่าวสารที่เผยแพร่อยู่ในอินเทอร์เน็ต ที่พบว่ามีทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม และข่าวบิดเบือน จึงต้องให้ความรู้ความเข้าใจประชาชนให้รู้เท่าทัน ซึ่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ช่วยสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษา วัยทำงาน ผู้สูงอายุ หน่วยงานต่างจังหวัดและประชาชนทั่วไป ตลอดจนหน่วยงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้องทำให้การบูรณาการการทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ทำงานตามข้อเท็จจริง ไม่เลือกฝ่าย เลือกข้าง