หลายประเทศในยุโรป ล็อคดาวน์รอบ 2 หลังติดโควิดพุ่ง

2020-11-01 13:50:54

หลายประเทศในยุโรป ล็อคดาวน์รอบ 2 หลังติดโควิดพุ่ง

Advertisement

หลายประเทศในยุโรป ประกาศล็อคดาวน์ประเทศรอบ 2 หลังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งสูงต่อเนื่อง


คริส วิตตี ประธานเจ้าหน้าที่แพทย์ของอังกฤษ แถลงว่า สำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษ หรือเอ็นเอชเอส (NHS) จะพบกับความยากลำบากอย่างมากในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น หากไม่มีมาตรการล็อคดาวน์ครั้งใหม่ที่ประกาศใช้ไปในวันเสาร์ “ผมคิดว่า หากเราไม่ดำเนินการทันที ก็จะมีโอกาสที่เอ็นเอชเอส จะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอย่างมากในเดือนธันวาคม” โดยเขาแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ

นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ประกาศล็อคดาวน์ประเทศรอบ 2 เพื่อป้องกัน “หายนะทางการแพทย์และศีลธรรม” สำหรับสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติ หรือ เอ็นเอชเอส (NHS) หลังจากสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านหลัก 1 ล้านคน และการระบาดระลอก 2 ของไวรัส ก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล เกินขีดความสามารถของสำนักงานด้านสาธารณสุข



สหราชอาณาจักร ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 สูงสุดในยุโรป สถานการณ์ยังเลวร้าย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกมากกว่า 20,000 คนต่อวัน และบรรดานักวิทยาศาสตร์ก็เตือนว่า “สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” อาจมีผู้เสียชีวิตเกิน 80,000 คน ซึ่งขณะนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 46,645 คน

นายจอห์นสัน รีบแถงข่าวที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถนนดาวนิ่ง สตรีท หลังข่าวเกี่ยวกับการล็อคดาวน์ประเทศรอบ 2 รั่วไหลสู่สื่อท้องถิ่น กล่าวว่า มาตรการล็อคดาวน์หนึ่งเดือนทั่วเกาะอังกฤษ จะเริ่มต้นหลังเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี จนถึงวันที่ 2 ธันวาคม เขากล่าวอีกว่า เทศกาลคริสต์มาสปีนี้ อาจเป็นคริสต์มาสที่แปลกแตกต่างออกไปมาก แต่เขาก็หวังว่ามาตรการคุมเข้มเด็ดขาดขณะนี้ จะทำให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า เพราะผับ, ร้านอาหาร, โรงยิมและร้านค้าที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ จะต้องปิดให้บริการนาน 4 สัปดาห์ จากวันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับมาตรการคุมเข้มที่บังคับใช้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะโรงเรียน, วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย สามารถเปิดการเรียนการสอนต่อไปได้



ในมาตรการคุมเข้มที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงเวลาสงบของอังกฤษครั้งนี้ จะอนุญาตให้ประชาชนออกนอกบ้านได้ด้วยเหตุผลที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้นเช่น ไปเรียนหนังสือ, ทำงาน, ออกกำลังกาย, ซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการยังชีพและไปพบแพทย์ หรือดูแลผู้มีความเสี่ยงหรือผู้ที่อ่อนแอ

“เราต้องดำเนินการในขณะนี้” นายจอห์นสัน ซึ่งมีคริส วิตตี ประธานทีมแพทย์ และแพททริก วัลแลนซ์ ประธานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ยืนขนาบข้าง กล่าว “หากเราไม่ดำเนินการในทันที เราอาจเห็นผู้เสียชีวิตในประเทศพุ่งขึ้นเป็นหลายพันคนต่อวัน

การใช้มาตรการคุมเข้มมากขึ้นของนายจอห์นสัน มีขึ้นหลังจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ เตือนว่า การระบาดกำลังไปในทิศทางที่ผิด และว่าจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อยุติการระบาดของไวรัสร้าย หากทุกครอบครัวหวังที่จะอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

นายจอห์นสัน กล่าวว่า หลังจากวันที่ 2 ธันวาคม จึงจะมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม และภูมิภาคต่าง ๆ จะกลับคืนสู่ระบบป้องกันที่มีการแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ ต่อไป



มาตรการต่าง ๆ ที่ประกาศใช้ในอังกฤษ มีขึ้นหลังจากฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศมาตรการคุมเข้มทั่วประเทศไปแล้ว ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ทำลายเศรษฐกิจโลกเสียหายอย่างหนักที่สุดในปีนี้ เศรษฐกิจของหลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยเลวร้ายที่สุด นายจอห์นสัน ถูกนักการเมืองฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ล่าช้าในการล็อคดาวน์ประเทศครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 4 กรกฎาคม นายจอห์นสัน ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงปลายเดือนมีนาคม และถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลในต้นเดือนมีนาคม

ส่วนออสเตรียและโปรตุเกส เป็นอีกสองประเทศที่ประกาศมาตรการคุมเข้มครั้งใหม่ ในความพยายามที่จะควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยในออสเตรีย มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่นี้ รวมถึงการบังคับใช้เคอร์ฟิวจากเวลา 20.00 น. ถึง 06.00 น. ร้านอาหารและคาเฟ่ อนุญาตให้บริการได้เฉพาะแบบที่นำกลับบ้านเท่านั้น ส่วนสนามกีฬาในร่ม หรือโรงยิม ปิดพร้อมกับพิพิธภัณฑ์ ขณะที่ โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถมจะปิดการเรียนการสอน แต่โรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย จะเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์แทนก่อน



ออสเตรียพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรายวันทำสถิติใหม่เมื่อวันศุกร์ อยู่ที่ 5,627 คน แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันเสาร์ต่ำกว่าเล็กน้อย อยู่ที่ 5,349 คน ขณะที่รัฐบาลอ้างว่า โรงพยาบาลต่าง ๆ มีขีดความสามารถรับผู้ป่วยได้อีกไม่เกิน 6,000 คนเท่านั้น มาตรการคุมเข้ม ซึ่งประกาศในวันเสาร์ จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร จนถึงถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน

ส่วนมาตรการต่าง ๆ ในโปรตุเกส ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 70 เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศ หรือ 121 เขตบริหาร จากทั้งหมด 308 เขตบริหารในประเทศ ประชาชนจะต้องพักอยู่ที่บ้าน ทำงานส่งจากที่บ้านเท่าที่มีความเป็นไปได้ ร้านค้าต้องปิดในเวลา 22.00 น. แต่จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ต้องไปทำงาน, ไปโรงเรียน หรือไปทำธุระที่จำเป็นเท่านั้น มาตรการเหล่านี้ บังคับใช้ทั้งในกรุงลิสบอน และปอร์โตด้วย

นายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ คอสตา ของโปรตุเกส กล่าวว่า หากไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเลย ตัวเลขติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้าย ระบบสาธารณสุขล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาตรการเหล่านี้ จะมีการทบทวนทุกสองสัปดาห์

ทั้งนี้ เฉพาะในวันเสาร์ โปรตุเกส มีผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะ 4,007 คน และเสียชีวิต 39 คน