มหาเธร์เดือดมุสลิมมีสิทธิ์ฆ่าชาวฝรั่งเศสเป็นล้านคน

2020-10-30 08:05:41

มหาเธร์เดือดมุสลิมมีสิทธิ์ฆ่าชาวฝรั่งเศสเป็นล้านคน

Advertisement


ขณะที่เกิดเหตุคนร้ายใช้มีเป็นอาวุธ ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าโหด 3 ศพในฝรั่งเศส ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีฝีปากกล้าของมาเลเซีย ออกมากล่าวว่า “ชาวมุสลิมมีสิทธิ์ที่จะลงโทษชาวฝรั่งเศสด้วยการฆาตกรรม” ซึ่งถ้อยคำของเขาจุดชนวนให้เกิดความโกรธแค้นเดือดพล่านในโลกออนไลน์

ฝรั่งเศสอยู่ในอาการหวาดผวาจากเหตุการณ์โจมตี ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการก่อการร้ายในวันพฤหัสบดี เมื่อชายคนหนึ่ง ซึ่งมีมีดเป็นอาวุธ ตะโกนคำสรรเสริญพระเจ้าด้วยคำว่า “อัลลาฮู อัคบาร์” ขณะก่อเหตุลงมือเชือดคอผู้หญิงคนหนึ่ง และฆ่าประชาชนคนอื่น รวมกันเป็น 3 คนทั้งในและนอกโบสถ์น็อทร์-ดาม เมืองนีช ประเทศฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองอาวีญง ยิงมือมีดอีกคนเสียชีวิต ขณะเขาพุ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่พร้อมตะโกนถ้อยคำเป็นภาษาอาหรับ ขณะที่ในซาอุดีอาระเบีย ตำรวจจับกุมตัวชายคนหนึ่ง ซึ่งใช้มีดแทงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนอกสถานกงสุลฝรั่งเศสในเมืองเจดดาห์



การโจมตีในฝรั่งเศส เกิดขึ้นท่ามกลางการระดมกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาทั่วประเทศ เริ่มต้นขึ้นหลังจากนายมานูเอล ปาตี ครูในกรุงปารีส ถูกนักเรียนฆ่าตัดศีรษะอย่างเหี้ยมโหด หลังจากแสดงภาพการ์ตูนล้อเลียนพระศาสดาโมฮัมเหม็ดในห้องเรียน เพื่อสอนเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออก

อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์แสดงท่าทีปกป้องคนร้าย มีข้อความว่า “ชาวมุสลิมมีสิทธิ์ที่จะโกรธ และมีสิทธิ์ฆ่าชาวฝรั่งเศสหลายล้านคน เพื่อแก้แค้นกับการฆ่าหมู่ในอดีต” แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานประกอบเกี่ยวกับการ “ฆ่าหมู่” ที่เขาพูดถึง นอกจากนี้ ในการทวีตข้อความที่หนักหน่วงรุนแรง มหาเธร์ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า “ชาวมุสลิมมีสิทธิ์ลงโทษชาวฝรั่งเศส”



ดร.มหาเธร์ ยังเรียกประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสว่า “ป่าเถื่อนมาก” กรณีที่ประณามการฆ่าตัดศีรษะครูว่า “ความชั่วร้ายฝีมือของชาวมุสลิมหัวรุนแรง” และเรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศส “สั่งสอนให้ประชาชนของตนเอง หัดเคารพความรู้สึกของคนอื่นบ้าง” มิเช่นนั้นก็เสี่ยงที่ชาวมุสลิมต้องใช้กฎ “ตาต่อตา” ซึ่งเขาบอกด้วยว่า ชาวมุสลิมยังไม่ได้ใช้วิธีการนี้

อย่างไรก็ตาม อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยังได้ประณามการฆ่าตัดศีรษะครูซามูเอล ปาตี ซึ่งเรียกว่า มันไม่ใช่การกระทำที่เขาจะเห็นดีด้วยในฐานะชาวมุสลิมคนหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ ดร.มหาเธร์เคยใช้ถ้อยคำยั่วยุปลุกปั่นมาแล้ว รวมทั้งถ้อยแถลงของเขาที่เรียกชาวยิวว่า “จมูกเหยี่ยว หรือจมูกตะขอ” และยังปกป้องการดำเนินคดีกลุ่มเกย์ หรือกลุ่มรักร่วมเพศในมาเลเซียด้วย ถ้อยคำของดร.มหาเธร์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในฝรั่งเศส จุดชนวนให้เกิดเสียงประณามตามมา แต่บางคนก็แสดงความไม่พอใจต่อ “ทวิตเตอร์” ด้วย ที่ปล่อยให้มหาเธร์ทวิตข้อความดังกล่าวเผยแพร่ทางออนไลน์ได้ แม้ว่า ก่อนหน้านี้ เคยเซ็นเซอร์ หรือควบคุมทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และสั่งห้ามการเชื่อมต่อข้อมูลที่สร้างความเสียหายต่อนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

ทวิตเตอร์เคยลบข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์ เกี่ยวกับการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ แต่ก็ปล่อยให้อยาตอลลาห์ ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน โพสต์ข้อความข่มขู่อิสราเอลได้



ดร.มหาเธร์ ดำรงตำหแน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย 2 ครั้ง จากปีพ.ศ.2524-2546 และอีกครั้งจากปี 2561 จนถึงลาออกจากตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2563 ขณะที่ถ้อยแถลงของมหาเธร์ดุดัน เผ็ดร้อนและรุนแรง แต่ผู้นำมาเลเซียคนปัจจุบันกลับแสดงความคิดเห็นไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาของประธานาธิบดีมาครง โดยในช่วงต้นสัปดาห์นี้ กระทรวงต่างประเทศของมาเลเซีย เรียกตัวเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาประท้วงกรณีที่นายมาครงออกมาปกป้องสิทธิในการวาดการ์ตูนล้อเลียนพระศาสดาโมฮัมเหม็ด ซึ่งระบุว่า “เป็นการเติมเชื้อไฟ” และ “เป็นการกระทำที่ยั่วยุ พยายามหมิ่นประมาทศาสนาอิสลาม”