"จุรินทร์"ส่งเสริมเอสเอ็มอีให้มีพื้นที่การตลาด

2020-10-29 23:45:20

"จุรินทร์"ส่งเสริมเอสเอ็มอีให้มีพื้นที่การตลาด

Advertisement

"จุรินทร์" เปิดงาน Smart SME Expo 2020 ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีพื้นที่ทางด้านการตลาด

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Smart SME Expo 2020 ณ ฮอลล์ 9-10 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี ทั้งนี้เพื่อเดินหน้าตามนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็กให้มีพื้นที่ทางด้านการตลาด

นายจุรินทร์ กล่าวว่า SME นั้นเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีผู้ประกอบการประมาณ 3 ล้านรายคิดเป็นร้อยละ 95 ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาต้องถือว่า SME นั้นมีบทบาทสำคัญในการสร้างงาน กระจายรายได้ และถือเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง รวมทั้งการที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นภาคการส่งออกที่ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นเป็นลำดับในอนาคต และบทบาทของ SME มาประสบปัญหาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นเดียวกับหลายภาคการผลิตคือเผชิญกับสถานการณ์โควิด ไม่เฉพาะ SME ในประเทศไทย แต่ประสบกันทั้งโลก เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์มวลรวมของ SMEในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าติดลบ แต่ไม่ได้แปลว่าวันข้างหน้าจะเป็นบวกไม่ได้เพราะสถานการณ์โควิดไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป หรือถ้าเราพลิกโควิดเป็นโอกาสได้ SME ก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวและเติบโตต่อไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้


"กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการตลาด ผมมีนโยบายชัดเจนที่ต้องการสร้างความร่วมมือ นอกจากทำให้ SME เป็นภาคการผลิตที่มีศักยภาพแล้ว ต้องพัฒนาให้มีศักยภาพทางด้านการตลาด โดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” เมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาจะเห็นว่ากระทรวงเกษตรฯกับกระทรวงพาณิชย์ จับมือกันในการสร้างวิสัยทัศน์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ดังนั้นSMEภาคการผลิตก็ต้องไปตามแนวนี้เหมือนกัน การจะเดินหน้าให้ประสบความสำเร็จที่สำคัญคือเทคโนโลยีต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น สำหรับภาคการผลิตไม่ว่าภาคส่วนไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME " นายจุรินทร์ กล่าว 


นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 28  ต.ค. ตนไปเป็นประธานโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์โดยสถาบันพัฒนาการค้ายุคใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ในการลงนาม MOU ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีชื่อเสียงระดับโลกคือบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าเราจะช่วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาภาคการผลิตและภาคการตลาดให้ SME 3 วันที่ผ่านมาก็ได้มีการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีทั้งเทคโนโลยี 5G, iot (Internet of Things) รวมถึงระบบคลาวด์จะเป็นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของโลกและของ SME เพื่อนำมาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผลต่อไป


"ใน 3 วันที่ผ่านมาอบรมไป 250 คน ที่สำคัญคือ เด็กรุ่นใหม่ที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยกำลังจะเรียนจบและเด็กรุ่นใหม่ที่มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนายตัวเอง ส่วนใหญ่เด็กรุ่นนี้ไม่คิดจะไปทำงานองค์กร ทุกคนฝันจะเป็นเจ้าของกิจการฝันจะเป็น CEO กระทรวงพาณิชย์จึงมีนโยบายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเราต้องการปั้นเด็ก GenZ เป็น CEO หรือที่เรียกว่า CEO GenZ และจะร่วมกับหัวเว่ยและบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอื่นๆต่อไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ในการนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้เป็น CEO ต่อไป ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะทำให้ได้ 12,000 คน ได้เริ่มต้นไปแล้วมหาวิทยาลัยในภาคเหนือ 7 มหาวิทยาลัยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์จัดอบรมชุดแรกไปแล้ว 1,500 คน จะทำต่อไปในภาคอื่นให้ครบ 12,000 คน เพื่อให้ CEO GenZ เป็นทัพหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศยุคโควิดและหลังโควิดในอนาคต และกลุ่มนี้ถ้าไม่ไปทำสตาร์ทอัพก็ต้องมาทำ SME สุดท้ายก็จะมาเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศต่อไปในอนาคต หัวใจสำคัญต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการตลาด " นายจุรินทร์ กล่าว




นายจุรินทร์ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ จึงมีนโยบายและมีหลักสูตรในการที่ต้องการพัฒนาทางการตลาดให้เข้าใจทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะยุคโควิด-19 ถ้าใครใช้ออนไลน์ไม่เป็น ใครทำอีคอมเมิร์ซไม่ได้เพื่อนก็ก้าวล้ำหน้าไป ดังนั้นหลักสูตรของกระทรวงพาณิชย์นั้นมีทั้งหลักสูตรหลักสูตรพื้นฐาน หลักสูตรธรรมดา ปานกลางและหลักสูตรเข้มข้น ที่จะมาอบรมให้เข้าใจจนลึกซึ้งสุดท้ายส่งออกได้ตามลำดับ นอกจากเราต้องให้องค์ความรู้ทางด้านการตลาดกับ SME แล้ว ต้องให้ โอกาสการเข้าจัดแสดงสินค้าในต่างประเทศ อย่างน้อยเวลาจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เราจะเปิดพื้นที่ 10 -15 เปอร์เซ็นต์ เป็นโอกาสให้ SME หรืองานจัดแสดงสินค้าในตลาด CLMV และมาเลเซีย ต้องเปิดพื้นที่ให้กับ SME ในภาคต่างๆ มีโอกาสได้มาแสดงสินค้าในงานของกระทรวงพาณิชย์


สำหรับงานวันนี้ ถือว่าสอดรับนโยบายยุคโควิด-19 ของกระทรวงพาณิชย์ที่ชัดเจน คือการปรับรูปแบบการจัดงานแสดงสินค้าซึ่งเราทำไปแล้วและกลายเป็นต้นแบบสำคัญของโลกที่หลายประเทศจะเอาไปใช้คือรูปแบบการจัดงานแสดงสินค้าหรือเจรจาการค้าแบบไฮบริด คือผสมผสานทั้งแบบ Online ผสม On ground และรูปแบบที่เรียกว่า Mirror Mirror คือ รูปแบบที่ให้ทูตพาณิชย์ ของกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เซลล์แมนประเทศ ไปเจรจากับผู้นำเข้าในประเทศต่างๆแล้วจับคู่ธุรกิจในประเทศไทย เพราะเดินทางไม่ได้เนื่องจากติดโควิดใช้ระบบออนไลน์ เจรจากับผู้ส่งออกไทย ผ่านระบบเทคโนโลยีและลงนามสัญญาซื้อขายส่งออกกันได้ เรียกว่ารูปแบบผสม ซึ่งการจัดงาน Smart SME Expo 2020 นั้น นำมาผสมผสานกันทั้ง Online และ On ground ขอแสดงความชื่นชมในความทันสมัยทันสถานการณ์ของงานในวันนี้