"ราเมศ" มั่นใจคดีหุ้นสื่อ ผลเป็นอย่างไรพร้อมยอมรับในกระบวนการยุติธรรม นำทีมฟังคำวินิจฉัยศาล รธน. 28 ต.ค.
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความต่อสู้คดีหุ้นสื่อของ ส.ส. กล่าวว่า ในวันที่ 28 ต.ค. ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. ส.ส.ของพรรคที่ถูกร้องเรื่องดังกล่าวมีทั้งหมด 7 คนประกอบด้วย 1. น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร 2.นายอัศวิน วิภูศิริ 3.นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ 4.นายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ 5.น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ 6.นายสมชาติ ประดิษฐพร และ 7.นายสาธิต ปิตุเตชะ ซึ่งทุกคนจะเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมทนายต่อสู้คดีนี้ เราเคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด ศาลรัฐธรรมนูญให้โอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เอกสารที่ค้นหามาจากหน่วยงานราชการเป็นจำนวนมาก ที่สามารถชี้ให้เห็นได้โดยชัดแจ้ง จึงมั่นใจในคุณสมบัติของ ส.ส.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ทีมทนายได้นำเสนอพยานหลักฐานครบถ้วนเพื่อชี้ให้เห็นว่าบริษัทของ ส.ส.แต่ละคนไม่ได้ทำกิจการดังที่กล่าว หลักฐานเริ่มต้นชัดเจนในการจดจัดตั้งบริษัทใน สสช. 1 และเป็นแบบฟอร์มพื้นฐาน อีกทั้งไม่เคยขออนุญาตจดทะเบียนทำสื่อใด สินทรัพย์ บัญชีรายรับ รายจ่าย ไม่มีสินทรัพย์ใดที่เกี่ยวกับกิจการสื่อ และรายละเอียดอื่นๆได้ส่งศาลรัฐธรรมนูญไปครบถ้วนสมบูรณ์ ข้อเท็จจริงจึงสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา 98(4)ที่ต้องการป้องกันในเรื่องการเข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนและเพื่อป้องกันความได้เปรียบเสียเปรียบกันในขณะลงสมัครรับเลือกตั้งและในขณะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ดังนั้นสาระสำคัญแห่งเจตนารมณ์คือต้องเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ที่ได้ประกอบกิจการดังกล่าวอย่างแท้จริง
จึงไม่มีความกังวลใจแต่อย่างใด ท้ายที่สุดอยู่ที่ดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ เคารพในผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ผลเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับในกระบวนการยุติธรรม