หลังสูญเสียพี่ชายคนสนิทที่เรียกว่าครอบครัว "โรเบิร์ต สายควัน" ไปอย่างไม่มีวันกลับ ล่าสุด "บอล เชิญยิ้ม" ได้เปิดใจในรายการต้มยำอมรินทร์ เล่าย้อนถึงวันที่เจอและได้ทำงาน ใช้ชีวิตร่วมกับโรเบิร์ต พี่ชายคนนี้ที่ถึงจะไม่อยู่แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังดูแลป้าแจ๋วภรรยาของโรเบิร์ตอยู่เพราะสัญญาคือ สัญญายังไงเราก็ไม่ทิ้งกันแม้อีกคนสิ้นลมหายไปแล้ว โดยทางบอลได้เผยถึงเรื่องนี้ว่า
เราทราบอาการป่วยของ พี่โรเบิร์ต มาก่อนไหม ?
ตรงสีข้างของเขาบวมขึ้นมา วันนั้นกำลังถ่ายรายการอยู่แล้วพอสายๆเขามาบอกเราว่าหัวหน้าวันนี้ขอลานะผมปวดตัวมากเลย แล้วเขาก็เปิดเสื้อให้เราดูมันบวมขึ้นมามากๆเลย เขาบอกเราว่าจะไปนวดหน่อยเดี๋ยวมันคงหาย แล้วเขาก็กลับไปนวดแล้วก็โทรมาบอกเราว่าดีขึ้น ทานยาแล้วก็นอน ทำแบบนี้สักพักหนึ่งจนเริ่มไม่ไหวก็ไปหาหมอ ป๋าแจ๋วพาไปหาหมอ แต่ระหว่างที่เขาเป็นเขาฝืนทำงานตลอด ซึ่งพอเขาไปตรวจ ป้าแจ๋วโทรมาบอกเราแล้วก็ร้องไห้เลยว่าตรวจแล้วเจอเนื้อร้าย คือเราไม่เคยรู้เลยว่ามีเนื้อร้ายนี้อยู่เพราะว่าเขาไม่เคยมีอาการอะไรเลย
แต่เมื่อตอนเขาหนุ่มๆคือเขาเคยเป็นโรคปอดแต่มันหายไปแล้วเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่เขาเป็นโรคปอด แต่พอเขาไหว้ครูแล้วเขาหาย พอมาตรวจเจอครั้งนี้ ตอนแรกเขาไม่รู้จนเขาพูดว่าอย่าปิดเขาสิเขารู้เขาจะได้รับมือถูกเขาไม่กลัวหรอก คือเขาเป็นคนที่สู้มาก เขามีกำลังใจดีมาก แล้วเราและเพื่อนๆก็เคยดูแลให้กำลังใจเขา รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อย่างเขาชอบพี่โน๊ต อุดม เราก็โทรหาพี่โน๊ต อุดม เลยบอกพี่ โรเบิร์ตป่วยครับพี่ ผมขอคลิปเป็นกำลังใจให้พี่เขาหน่อยได้ไหมครับ พี่โน๊ตบอกเลยว่าแค่คลิปได้ยังไงเขาก็มาเซอร์ไพรส์พี่โรเบิร์ตเลย อย่างเขาชอบพี่ปาล์มมี่เขาก็ไดเรคหาผู้จัดการเขา พี่ปาล์มมี่เขาก็เดินหาซื้อผลไม้มาให้เองเลย จัดกระเช้ามาให้ ส่วนพี่ตูนเขาก็ส่งคลิปเป็นกำลังมาให้ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำให้เขาได้เราทำ
น้ำใจของทุกคนในคณะคือ มีความน่ารักมากขณะที่ พี่โรเบิร์ตป่วยอยู่คือรายได้ก็ยังคงแบ่งให้เท่าเดิม เหมือนเดิม ?
ถูกต้องครับ อะไรที่พี่เบิร์ตเคยได้ก็ยังได้อยู่ แม้จะเล่นไม่ได้แล้วในช่วงหลังๆเราก็ต้องดูแลกันครับ เพราะเราดูแลกันมาตลอด ไม่ได้แบบว่ามาป่วยแล้วมาดูแล เราดูแลกันตั้งแต่วันแรก คือผมทำทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขา ดูแลคิวทุกงานของเขา เสื้อผ้าหน้าผม ว่าจะต้องใส่แบบนี้นะ
ดูแลพี่โรเบิร์ตตั้งแต่ที่อยู่จนตอนนี้ ถึงจะเสียไปแล้ว แต่ก็ยังดูแลพี่แจ๋วภรรยาพี่เบิร์ตอยู่ด้วย ?
ใช่ครับ คนเคยอยู่ด้วยกันเนอะ เราก็พยายามตกเย็นมากินข้าวด้วยกัน เพื่อฟื้นฟูจิตใจแก นี่ก็เพิ่งพาแกไปเที่ยวมาไปไหว้พระ เพื่อให้แกเปิดหูเปิดตา เพื่อให้แกผ่อนคลายความเศร้าบ้าง แต่แกก็ยังเศร้าอยู่ แต่เราก็เพิ่มเติมความสุขให้กับแกได้บ้าง
ย้อนกลับไปเราคือคนที่พาเขากลับเข้ามาสู่วงการตลกอีกครั้ง ตอนนั้นเรื่องราวเป็นยังไง ?
เราเจอพี่เบิร์ตที่คาเฟ่ เราเล่นอยู่ที่เดียวกัน คือพี่เบิร์ตเขาเป็นฝีมือ เขาเป็นคนเก่ง เห็นอะไรเป็นมุขได้หมด เราก็เลยชวนเขามาอยู่กับเรา แล้ววงเราก็กำลังขึ้นมางานเริ่มๆมีเยอะ เราก็ชวนเขาหลายรอบมากจนในที่สุดเขาก็ตกปากรับคำมาอยู่กับเราในที่สุด เราก็บอกว่ามาอยู่กับเรา พี่เบิร์ตไม่ต้องปูมุขให้คนอื่นเล่นพี่มาดิ้น (คนที่ตบมุขจากคนที่ปูเรื่องมา) ส่วนเราจะเป็นคนที่ปูเรื่องเอง ที่ผมไปชวนเขามาอยู่ด้วยเพราะผมต้องการสร้างให้คนที่ดูถูกเขาเห็นว่าเขาทำได้นะ เขาเก่งนะ แล้วก็เริ่มมีงานมีรายการ เราก็คุยกับเขาว่าไว้ใจผมไหมผมผ่านตรงนี้มาก่อน แต่ผมรับงานให้เขาก็จริงแต่เงินทุกบาททุกสตางค์ พี่เบิร์ตเป็นคนรับเองหมดทุกบาท ให้เขารับเองหมดเราเป็นคนแต่เรียกเงินให้เขา ระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันก็ 7-8 ปีครับ จนมันเหมือนเป็นครอบครัว คือเราทำตามที่เราบอกทุกอย่าง ไม่เคยขัดไม่เคยดื้อกับผม
เราประทับใจอะไรในตัวพี่เบิร์ต ?
เขาเป็นคนที่ให้เกียรติผม ผมเคยคุยกับเขาว่าถ้าวันหนึ่งเขาดังแล้วเขาไปจากผมคือผมไม่เสียใจเลยนะ เขาบอกผมว่าผมจะอยู่กับหัวหน้าผมไม่ไปไหนหรอก เรารู้สึกเลยว่าคนที่เราเลือกมาคือเราเลือกไม่ผิดจริงๆ วันนี้เขาเป็นยังไงเขาก็เป็นเหมือนเดิม อ่อนน้อมถ่อมตน คือน่ารัก และผมรู้สึกว่าผมไม่รู้ว่าผมจะเจอคนแบบนี้อีกเมื่อไหร่ ตอนนี้ที่เขาไม่อยู่เหมือนเราขาดทหารเอกที่รู้ใจถึงตอนนี้ตัวเขาไม่อยู่แล้วแต่เขายังอยู่ในใจของผมตลอดไปครับ
